Saturday, August 20, 2011

บริษัท แสงสุริยะฉัตร(2002) จำกัด Email:morsenglao@hotmail.com Mr Kham Phat TEL: 85620 2222 8597 // 7755 5579 VienTiane LAOS

ยาสมุนไพร หมอเส็ง (Morseng) 

 Mr Kham Phat TEL: 85620 2222 8597 // 7755 5579
VienTiane LAOS

 

เริ่มต้นหมอเส็งได้อย่างไร
หมอเส็งคุณ ฉัตรชัย แสงสุริยะฉัตร แพทย์ที่ปรึกษา คลีนิค สุขภาพไตรเวชศาสตร์ด้านการแพทย์แผนตะวันออก หรือที่รู้จักกันดีในนาม “ หมอเส็ง” หนึ่งในผู้ชำนาญด้านสมุนไพรไทยและจีน ด้วยวัยกว่า 60 ปี กับประสบการณ์ในร้านขายยาแผนโบราณมาตั้งแต่เด็ก หมอเส็งจึงได้เรียนรู้ทุกขั้นตอนในการปรุงยาอย่างละเอียด และจดจำตัวยาสมุนไพรทุกชนิดได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะการผลิตหรือการปรุงยาจากสมุนไพรทั้งไทยและจีน ซึ่งสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้มีความคล้ายคลึงกันมากที่นับวันจะมีผู้เชี่ยวชาญ เหลืออยู่น้อยคนเต็มที เพราะนอกจากจะอาศัยความรู้เรื่องสมุนไพรแล้วยังต้องมีประสบการณ์ที่เชี่ยว ชาญอีกด้วย

ประวัติหมอเส็ง

บ้านเดิม ท่านอยู่ที่บางคล้า แปดริ้ว เป็นร้านขายยาสมุนไพรรักษาโรคทั่วไป ทั้งก๋งและเตี่ย หรือเรียกว่าทั้งตระกูลท่านเป็นหมอยา ซึ่งมีความชำนาญด้านสมุนไพรมาตลอด เตี่ยของท่านเป็นหมอมาจากเมืองจีนจะสอนคุณหมอเส็ง ให้รู้จักการใช้สมุนไพร ซี่งการศึกษาแพทย์แผนโบราณนั้นยากมากต้องเรียนรู้ถึงสรรพคุณของสมุนไพรแต่ละ ชนิด ถ้าจะใช้สมุนไพรรักษาโรคให้ถูกหลักและให้ออกฤทธิ์รักษาอย่างได้ผลต้องแตกฉาน สมุนไพรเพียงชนิดเดียวไม่สามารถรักษาได้ผลต้องนำสมุนไพรแต่ละชนิดนำมาผสม ผสานกันจึงจะออกฤทธิ์ในการรักษาอย่างได้ผล และจะต้องวินิจฉัยโรคของคนไข้ให้ดีเสียก่อนจึงจะปรุงยารักษาได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้หมอเส็งได้รับการเรียนรู้มาอย่างลึกซึ้ง

หมอเส็งแยกตัวออกมาเปิดร้านของตัวเอง

กิจการหมอเส็ง
จนกระทั่ง หมอเส็งได้แยกตัวออกมาเปิดเองที่กรุงเทพฯ โดยทำหน้าที่รักษาโรคทั่วไปเป็นหมอคู่กับเตี่ยมาตลอด จนเตี่ยอายุมากจึงเริ่มวางมือและให้หมอเส็ง ทำต่อไป เพราะเตี่ยมั่นใจในความรู้ ความสามารถของหมอเส็งแล้ว หมอเส็งได้ไปสอบใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขทั้งทางด้านเวชกรรมและเภสัชกรรม ซึ่งคนที่จะไปสอบได้ต้องมีความรู้ด้านสมุนไพรเป็นอย่างดีไม่ใช่ใครก็ไปสอบ ได้ ซึ่งเมื่อสมัยนั้นร้านขายยาแผนโบราณยังมีอยู่น้อย ต่อเมื่อมียาแผนปัจจุบันเข้ามา หมอเส็งก็ขายยาแผนปัจจุบันควบคู่กันไปด้วย เป็นทั้งคนขายและหมอไปในตัวพอมาระยะหลังยาฝรั่งเริ่มมาแรง ผู้คนหันไปนิยมกันมากขึ้นด้วยเหตุเพราะกินง่ายและไม่มีกลิ่นฉุนเหมือนยาแผน โบราณ และการแข่งขันของยาแผนปัจจุบันได้ขยายตัวสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว หมอเส็ง จึงหันมาเน้นในเรื่องของสมุนไพรทั้งไทยและจีนตามที่ตัวเองถนัดมากขึ้น โดยเฉพาะการรักษาโรคเกี่ยวกับสตรี ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ เลือดลม หรืออาการทางสมองที่เรามักจะพบในคนสูงอายุ และล่าสุดที่หมอเส็งได้เพียรพยายามศึกษามากกว่า 10 ปี นั่นก็คือมหัศจรรย์แห่งสมุนไพรไทยที่ชื่อ “ ว่านชักมดลูก ”



แผนการตลาดหมอเส็ง

แผนการตลาดหมอเส็งหมอ เส็งยังคงยึดแชมป์ไบนารี่และคาดว่าจะยังครองตลาดได้มากที่สุด ต่อไปอีกในกลุ่มขายตรงแผนไบนารี่ของไทยเพราะแนวโน้มตลาดต้องการใช้สมุนไพร มากขึ้น ธุรกิจหมอเส็งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจขายตรงของไทยที่มีความมั่นคงสูง สินค้าคุณภาพดีเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ พร้อมกับแนวโน้มหลายคนเริ่มทิ้งยาแผนปัจจุบัน เพราะมีผลข้างเคียงสูง สารเคมีตกค้างเยอะ เริ่มหันมามองยาสมุนไพรมากขึ้น แน่นอนยาหมอเส็งมีชื่อเสียงมากว่า 30 ปี จึงเป็นยาแผนโบราณที่ผู้ใช้ต้องเรียกหาเป็นอันดับแรก จึงทำให้ยอดขายเติมโตขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่อง จึงทำให้สร้างความสำเร็จแก่ผู้จำหน่ายอิสระรุ่นแล้วรุ่นเล่า

ข้อดีของแผนการตลาดหมอเส็ง

เพียง สมัครสมาชิกก็สามารถดำเนินธุรกิจได้ทันที นับคะแนนจากยอดขาย 2 ฝั่งลึกไม่กำหนดจำนวนชั้น สามารถมีรายได้ถึง 3 ทาง และทีมงานโตสายเดียวก็สามารถมีรายได้จากระบบธุรกิจนี้ได้ ตำแหน่งขึ้นแล้วไม่ตกลงมา และท่านมีโอกาสก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งคุณวุฒิพิเศษสูงขึ้นไปอีกหลายระดับใน บริษัท พร้อมกับได้รับผลประโยชน์พิเศษเพิ่มมากขึ้น สะสมยอดไว้ตลอดแม้คุณสมบัติส่วนตัวไม่ครบมีโบนัสบริหารองค์กรมอบให้เพิ่ม เติมพิเศษ ไม่ต้องรักษายอดขายส่วนตัวและยอดกลุ่ม ระบบธุรกิจทั้งหมดสามารถเป็นมรดกได้ สามารถรับรายได้ทั้งรายวันและรายเดือน ไม่มีคูปองหักยอดโบนัสไดๆ ทั้งสิ้น

การสมัครทำธุรกิจ
ธุรกิจหมอเส็งเริ่ม ต้นสมัครสมาชิก 500 บาท รับฟรีทันที คู่มือดำเนินธุรกิจ สินค้าขนาดทดลอง วารสารประจำบริษัทสิทธิซื้อสินค้าราคาสมาชิกที่สามารถนำไปสร้างผลกำไรได้ ทันที คอร์สอบรมความรู้เกี่ยวกับสินค้าและเทคนิคการสร้างรายได้
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ ทำธุรกิจอย่างจริงจัง สามารถร่วมทำธุรกิจได้ทั้งแบบออนไลน์ และออฟไลน์ตามความถนัด เพิ่มความสะดวกสบายในการทำขายตรงยุคใหม่ให้ทันกับเหตุการณ์ในปัจจุบันอยู่ เสมอ



ยาสมุนไพร

หมอเส็ง
 Mr Kham Phat TEL: 85620 2222 8597 // 7755 5579
VienTiane LAOS

.....................................................................................................................................
: ยาสมุนไพร หมอเส็ง,
อาหารเสริม, แผนธุรกิจ, แผนการตลาด, สินค้าเพื่อสุขภาพ,  
ยาบำรุงร่างกาย, แสงสุริยะฉัตร, ว่านชักมดลูก, สะเก็ดเงิน 

 
      หากท่านมีปัญหาสุขภาพ ตรวจแล้วไม่พบอาการ , 
ไปรักษาหลายที่แล้ว
ยังไม่ดีขี้นหรือหากท่านมีอาการเหล่านี้..!!!  สมุนไพร 
หมอเส็งช่วยท่านได้
     ตกขาวหนาวในอก,ประจำเดือนมาไม่ปกติประจำเดือนน้อย,มดลูกต่ำ
 มดลูกโต,และ หย่อนยาน,ปวดท้องน้อย,ปวดหน่วง,เสียวมดลูก,เชื้อราในช่องคลอด 
 ,กลิ่นในช่องคลอด, ช่องคลอดไม่สะอาด, มดลูกไม่แข็งแรง, ผนังมดลูกแห้ง
 ไม่มีน้ำหล่อลื่น มดลูกบาง, เจ็บแสบค้น  บริเวณที่ลับเฉพาะ, ไม่มีอารมณ์ทางเพศ,
 เซ็กส์เสื่อม, วัยทองหมดประจำเดือนฮอร์โมนน้อย, ช่องคลอดไม่ฟิต,ไม่กระชับ, 
อกไม่เต่งตึงหน้าท้องแตกลาย, หลังคลอด, ร่างกายไม่อบอุ่น, ไม่ได้อยู่ไฟหลังคลอด, 
มดลูกไม่เข้าอู่ขับน้ำคาวปลาผิวหยาบ, ผิวแห้ง, ผิวพรรณไม่มีน้ำมีนวล,สิวกระ, 
ฝ้าเลือด, ฝ้าลม ฝ้าจากยาคุม.


  เพศซายอสุจิน้อย,จุกเสียด,แน่นท้อง,โรคกระเพาะ,ลำไส้กลิ่นตัวแรง, 
ร่างกายไม่แข็งแรง,อ่อนเพลีย,เหนื่อยง่าย แขน-ขา ไม่มีแรง,ปวดเมื่อย เหนื่อย 
 ชา หน้ามืดมึนหัวบ่อยๆ, อ่อนเพลีย, ปวดไมเกรนใจสั่น, หายใจไม่เต็มอิ่ม,
  วิงเวียน นอนไม่หลับปวดข้อ, ปวดเข่า, โรคเก๊าท์, นิ้วล็อคปวดกระดูกเรื้อรัง, 
กระดูกเสื่อม เส้นตึง,  อัมพฤกษ์, อัมพาตโรคชรา ,เบื่ออาหาร, โรคสมอง
 พาร์กินสัน, โรคหัวใจ ตับ ไต ปอด เส้นเลือดตีบ,หลอดเลือดตัน,ไขมัน 
โลหิตจางความดัน เบาหวาน น้ำตาลในเลือด,กรดยูริค ภูมิแพ้,ไซนัสไทรอยต์
สารพิษตกค้าง, ร้อนใน ธาตุไม่ดี คออักเสบ, ปัสสาวะบ่อย ไม่ออก ไม่พุ่ง
ต่อมลูกหมากโต,แผลหลังผ่าตัด, ฝีหนอง แผลเรื้อรัง, ริดสีดวง สะเก็ดเงิน
โรคผิวหนัง คันในร่มผ้า เสื่อมสมรรถภาพทางเมาค้าง.
บริษัท แสงสุริยะฉัตร(2002) จำกัด
 Mr Kham Phat TEL: 85620 2222 8597 // 7755 5579
VienTiane LAOS

หนังสือ The Secret, หนังสือคิดใหญ่ไม่คิดเล็ก : The Magic of Thinking BIG TEL: 020 2222 8597 / 5699 9579

 หนังสือ The Secret 

TEL: 020 2222 8597 / 5699 9579 Mr Kham Phat

สรุป The Secret กฏแห่งการดึงดูด ความลับของ The Law of Attraction

เคล็ดลับที่จะนำไปสู่ความสุขและความสำเร็จของชีวิต โดยเชื่อใน “Law of Attraction” กฎแห่งการดึงดูดเพราะจิตของเรามีพลังอำนาจมหาศาล พูดง่ายๆก็คือ ให้คิดแต่สิ่งที่ดี แล้วสิ่งดีๆ จะถูกดึงดูดเข้ามาหาเราเอง

“นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในประวัติ ศาสตร์สำหรับการมีชีวิตอยู่ เพราะเป็นครั้งแรกที่มนุษย์เรา มีอำนาจถึงขั้นใช้เพียงปลายนิ้วก็หาความรู้ได้”

ความลับที่จะทำให้คุณจะได้เรียนรู้วิธีการใช้ความลับในทุกแง่มุมของชีวิต  ทั้งด้านการเงิน สุขภาพ ความสัมพันธ์ ความสุขและปฏิสัมพันธ์ทุกรูปแบบของคุณในโลกนี้  คุณจะเริ่มเข้าใจพลังอำนาจภายในตัวเองที่ถูกปกปิดซ่อนเร้นมานานและสิ่งที่ เปิดเผยนี้จะนำมาซึ่งความยินดีในทุกๆด้านชีวิตของคุณ
ความสำเร็จ ทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ เราต้องเข้าใจใน 3 กระบวนการ ดังนี้

กระบวนการที่ 1 : Attraction Process หรือ กระบวนการสร้างแรงดึงดูด


โลกของเรามีแรงดึงดูด ที่เป็นพลังงานที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่พวกเราสามารถสัมผัสมันได้ ผ่านกระบวนการเกี่ยวเนื่องอื่นๆ ตัวเราเองก็สามารถสร้างแรงดึงดูดได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่จะวิ่งเข้ามาหาเรา..คุณต้องการสิ่งที่ดีหรือไม่ดีหละ คงไม่มีใครต้องการสิ่งไม่ดี และคงไม่มีใครไม่ต้องการสิ่งดีดี ทุกคนต่างต้องการสิ่งดีดีเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสุขภาพ ทรัพย์สินเงินทอง หน้าที่การงาน ต่างๆก็ล้วนแต่ต้องการสิ่งดีดี ทีนี้เราจะสร้างแรงดึงดูดอย่างไร ให้มีแต่สิ่งดีดีเข้ามาหละ

The secret ได้บอกหลักสำคัญๆของแหล่งแรงดึงดูดสิ่งดีดี ไว้ดังนี้

1.1 การคิดเชิงบวก (positive thinking):

ทุกความคิดมีแรงดึงดูด เคยสังเกตุมั๊ยว่า หากเราคิดคำนึ่งหรือกังวลเรื่องใดเรื่องหนึ่งบ่อยๆๆ เรื่องนั้นก็มักเกิดขึ้นจริง ดังนั้น หากเราเปลี่ยนความคิดจากการคิดถึงสิ่งที่ไม่ดีบ่อยๆ เป็นคิดถึงแต่สิ่งที่ดีดี บ่อยๆ คลื่นความคิดเราก็จะแปรเปลี่ยนเป็นแรงดึงดูด ดูดสิ่งดีดีเข้ามาในชีวิต

ในประเด็นนี้ หากเรามองในทางธรรมแล้ว ก็คงไม่ต่างอะไรกับที่ชอบพูดกันว่า คิดดี ทำดี พูดดี ..สิ่งที่สะท้อนกลับมาหาเราก็คงดีเหมือนกัน

1.2 รู้เท่าทันความคิดของตัวเอง :

เหมือนเป็นการมีสติ กำหนดรู้ว่า ขณะนี้เราคิดอะไร คิดดีหรือคิดเลว เมื่อเรารู้เท่าทันความคิดเราเมื่อไหร่ เราก็สามารถคัดแยกความคิดเลวออกจากความคิดดีได้ ทำให้เรามีโอกาสที่จะยับยั้งความคิดเลว และดำเนินความคิดดีดีต่อไป

เคยสังเกตุตัวเองกันมั๊ย หากเมื่อเราคิดเลว อารมณ์ที่ไม่ดี ก็จะเกิด แต่หากเมื่อไหร่เราคิดดี ความสบายใจ อารมณ์ที่ดีก็จะเกิด อารมณ์เป็นสิ่งหนึ่งที่ก่อให้เกิดการกระทำ คนที่ไม่รู้เท่าทัน ไม่รู้จักควบคุมความคิดเลว อารมณ์เลว ก็จะโกรธง่าย เกลียดง่าย ฉุนเฉียวง่าย สิ่งเหล่านี้ ถูกถ่ายทอดผ่านใบหน้าและร่างกายออกสู่ภายนอก สิ่งที่สะท้อนจากภายนอกกลับมาหาตัวคุณก็คงไม่ใช่สิ่งดีนักหรอก แต่ในทางกลับกัน คนที่คิดดี รู้เท่าทันระงับความคิดและอารมณ์เลว สิ่งดีดี จากจิตใจก็จะถูกทอดผ่านร่างกายให้แสดงออกมาแต่ในสิ่งดีดี สิ่งที่คุณได้รับก็จะเป็นสิ่งดีด้วยเช่นกัน เมื่อคุณรู้สึกดี ความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์สร้างสรรค์สิ่งต่างๆก็จะบังเกิดขึ้น ทำให้คุณสามารถพัฒนาตัวเองทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างดีขึ้นอย่างไม่ ต้องสงสัย อนาคตของคุณขึ้นกับความคิดของคุณแล้วหละ

สร้างคิดดี อารมณ์ดี โดย รู้จักมีความพึงพอใจ (Satification) รู้จักชื่นชมผู้อื่น (Appriciation) มีความหวัง (Hope) มีความสุข (Happiness) รู้จักสนุก ร่าเริง(Joy) รู้จักขอบคุณ (Gratitude) รู้จักรักทั้งตัวเอง ผู้อื่น และสิ่งอื่นรอบตัว (Love) เป็นต้น

ละทิ้ง ความคิดเลว อารมณ์เลว โดย ตัดความหวาดกลัว (Fear) ความกดดัน เครียด(Depression) ผิดพลาดเลอะเทอะ (Fault) ไม่พอใจขุ่นเคือง (resentment) ความเกลียด (Hate) ความโกรธ (Angry) การตำหนิติเตียน (Criticism) การกล่าวโทษนินทา (Blame) เป็นต้น

ความเครียด ความคิดเชิงลบ ก่อให้เกิดอารมณ์ที่ขุ่นมัว เศร้าหมอง ส่งผลต่อระดับการทำงาของร่งกายและสมองที่ลดลงเสมอ

the secret แนะกระบวนการสร้างสรรค์ (Creative process) ไว้ให้ 3 ขั้นตอน คือ

ขั้นที่ 1 ขั้นตอนการร้องขอ (Ask) : เหมือนคุณมี ตะเกียงวิเศษ เมื่อถูเจ้ายักษ์ออกมาแล้ว คุณต้องร้องขอ คุณต้องคิดให้พลังแห่งจักรวาลรับรู้ว่า คุณต้องการอะไรอย่างแท้จริง แล้วคุณจะได้สิ่งนั้นมา..นั่นแหละ หากสิ่งที่คุณคิด..ไม่ดี..สิ่งที่คุณได้ก็ย่อมไม่ดีเช่นกัน แต่หากคุณคิดดี สิ่งที่คุณได้ย่อมดีเสมอ ในขึ้นตอนนี้เทคนิคที่ the secreat แนะนำ คือ การเขียนสิ่งดีดี คุณสามารถเขียนสิ่งดีดี ที่คุณต้องการในสมุดบันทึกได้ทุกวัน เพื่อให้คุณจดจำสิ่งดีดีที่คุณต้องการ มันจะก่อให้เกิดแรงบันดาลใจลึกๆๆในใจ ให้คุณพยายามทำให้สิ่งที่คุณต้องการจนสำเร็จ

ขั้นที่ 2 ขั้นตอนแห่งความเชื่อ (Believe) : จง เชื่อในสิ่งดีดี ที่คุณพึงอยากได้ ว่าคุณจะต้องได้มา ศรัทธาที่ไม่สั่นคลอนก่อให้เกิดสิ่งที่เป็นจริง เมื่อไหร่ที่คุณพลาดจากหวัง จงเชื่อเสมอว่า หากหวังและพยายามต่อไป วันหนึ่ง ฝันคุณจะเป็นจริง กรณีนี้ คงเข้าตำราคนไทยที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น หากเราเชื่อ และพยายามทำในสิ่งที่เราเชื่อ สักวัน สิ่งนั้นจะสำเร็จดังฝัน

ขั้นที่ 3 ขั้นตอนแห่งการรับ (Receive) : เป็นการยอมรับ ทั้งสิ่งที่สมหวังและผิดหวัง การผิดหวัง หากเรายอมรับเราสามารถนำมันมาทบทวน ไตร่ตรองได้อีกรอบ แล้วเราจะเห็นถึงข้อผิดพลาดอันนำไปสู่แนวทางในการปรับปรุง

1.3 เริ่มต้นวันใหม่ด้วยสิ่งดีดี :

คุณเคยสังเกตุมั๊ย หากวันไหนคุณตื่นมาพร้อมอารมณ์ที่ขมุกขมัว วันนั้น คุณอาจปวดหัว อะไรก็ดูช่างหงุดหงิดในสายตาของคุณไปเสียทั้งหมด ไม่ว่า จะเป็นคน การจราจร หรือ สิ่งแวดล้อมต่างๆ แต่ในทางกลับกัน หากคุณสามารถตื่นขึ้นมาพร้อมกันความรู้สึกดีดี สมองคุณก็จะแจ่มใส จิตใจก็จะเบ่งบาน พร้อมที่จะมีสติรับรู้เรื่องราวต่างๆในวันนั้น ได้อย่างต่อเนื่องและมีสมาธิในการไตร่ตรองแยกแยะ พิจารณาสิ่งที่ ผิด ถูก ชั่ว ดี ได้ไม่ยาก ซึ่งเมื่อคุณได้กรองและเลือกที่จะรับแต่สิ่งดีดีแล้ว อารมณ์ก็จะดียิ่งขึ้น สิ่งที่แสดงออกมาจากตัวคุณ ก็ดี สิ่งที่คุณจะได้รับต่อไป ยิ่งดี

เมื่อใดที่เรารู้สึกแย่ ท้อถอย the secret แนะให้มองสิ่งที่สวยงาม การได้ฟังเพลงดีดี เพลงเชิงบวก การได้มองเด็กๆที่สดใสร่าเริง การได้ชมดอกไม้สีสวยๆที่กำลังเบ่งบาน การได้เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงสุนัข เลี้ยงแมว การได้เล่นกีฬา การได้ออกไปท่องเที่ยว เพราะ the secret เชื่อว่า "เมื่อคนรู้สึกรัก สิ่งดีดีก็จะเข้ามาในชีวิต"

ซึ่งสิ่งเหล่านี้เหมือนกับเราจะรู้กันเองนานแล้ว ใช่ป่าว เพราะเราคงได้ยินกันบ่อยๆว่า ความรักทำให้โลกสดใส โลกทั้งใบเป็นสีชมพู ไม่ว่าจะรักแบบไหน แต่ต้องเป็นรักที่บริสุทธิ์ใจจึงจะไม่เป็นทุกข์...รักทำให้คนสามารถมองโลก ได้ในแง่ดีเสมอ...

1.4 อย่าลังเลกับสิ่งที่จะลงมือทำ :

สิ่งดีดี โอกาสคอยเราอยู่เสมอ เมื่อเราสามารถสร้างแรงดึงดูดได้แล้ว สิ่งที่สะท้อนกลับมา เมื่อเราหยุดคิดอย่างรอบคอบแล้ว อย่าลังเลที่จะรับ อย่าปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอย เพราะหากคุณไม่เริ่มผลคงไม่เกิด เราไม่จำเป็นต้องเห็นตลอดทั้งเส้นทางหรือเห็นทางทั้งหมด แต่หากคุณเริ่มและลองดู คุณอาจจะเห็นทางอีกหลายทางซึ่งสามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้

1.5 รู้จักพอเพียง :

การรู้จักพอ จะสร้างความสุขที่แท้จริง คนเราทุกวันนี้ ล้วนแต่เอากิเลสเป็นที่ตั้ง อยากได้สิ่งต่างๆมากมายจนเกินความจำเป็นความพอดี ข้อนี้ คงเข้ากับหลักพุทธศาสนา หรือแม้กระทั่ง หลักเศรษฐกิจพอเพียง ได้เป็นอย่างดี

เมื่อรู้จักพอ ความสุขก็เกิด ความเหนื่อยล้า แห่งการดิ้นรนก็น้อยลง ทำให้คนมีเวลาที่จะคิดทบทวนไตร่ตรองสิ่งต่างๆในความคิด ได้ดีขึ้น ดังนั้น ความพอเพียงคงแยกกันไม่ออกจากข้ออื่นๆ ที่กล่าวข้างต้น

กระบวนการสร้างแรงดึงดูด โดยสรุปแล้ว หากเราต้องการพบความสุขและความสมหวังที่แท้จริง เราก็ควรมุ่งเน้นที่สร้างแรงดึงดูดที่ดี เราต้องหัดปรับเปลี่ยนความคิดทัศนคติไปในทิศทางที่ดี

หากเราคิดดี ทำดี สิ่งสะท้อนออกไปดี สิ่งที่เราได้รับก็จะดี เมื่อทุกคนทำได้ โลกก็จะเป็นสุขและพัฒนาในทิศทางที่ดี...

the secret บอกว่า ทุกวันนี้คนเรามันใช้คำพูดว่า "ต่อต้าน" ในการรณรงค์ต่างๆ ซึ่งทำให้การรณรงค์เหล่านั้นไม่ประสบผลสำเร็จซักที ดังนั้น ควรเปลี่ยนคำพูดเชิงลบ จากคำว่า "ต่อต้าน" เป็นคำพูดเชิงบวก คำว่า "ส่งเสริม" คงจะดีกว่า อาทิเช่น

แทนที่จะต่อต้านสงคราม ก็ควรเปลี่ยนเป็น สนับสนุนสันติภาพ
แทนที่จะต่อต้านความยากจนอดอยาก ก็ควรเปลี่ยนเป็น สนับสนุนผู้คนให้มีอาหารกิน
แทนที่จะต่อต้านพรรการเมืองใดเป็นพิเศษ ก็ควรจะเปลี่ยนเป็น สนับสนุนพรรคการเมืองตรงข้ามพรรคนั้น

หากทุกคนเพื่งไปยังสิ่งที่ไม่ต้องการ สิ่งนั้นมันคงยังวนเวียนในหัวสมองของทุกคน แล้วในที่สุดมันก็เป็นการตอกย้ำและดึงดูดให้สิ่งที่ทุกคนไม่ต้องการนั้นเกิด ขึ้น เหมือนสุภาษิตไทยว่า "ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ" นั่นเอง ดังนั้น ทุกคน ควรเรียนรู้ที่จะสงบนิ่งและละความสนใจไปจากสิ่งที่เราไม่ต้องการ

กระบวนการที่ 2 : Gratitute หรือ รู้จักขอบคุณ และชื่นชม

การรู้จักขอบคุณ ขอบคุณสิ่งที่อยู่รอบตัวคุณ สิ่งที่คุณมี สิ่งคุณเป็น ด้วยใจจริง ตัวอย่างเช่น

แทนที่คุณจะมองว่าของขวัญจากเพื่อนมูลค่าน้อยนิด คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่มีเพื่อนที่น่ารัก เพื่อนยังคิดถึงเราเสมอ

แทนที่คุณจะน้อยใจว่าพ่อแม่ดุว่า คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่ทุกวันนี้ยังได้ยินเสียงของพ่อแม่ และท่านยังได้มีทุกข์สุขร่วมกันเรา

แทนที่คุณจะมองว่าอาหารมื้อนี้น้อยเกินไป กินไม่อิ่ม คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่ทุกวันนี้คุณยังมีข้าวมีอาหารให้ได้กิน

แทนที่คุณจะมองว่างานหนักเหนื่อย เงินเดือนน้อย คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่คุณยังมีงานทำยังมีเงินเดือนใช้

แทนที่คุณจะมองว่าเช้านี้รถติดน่าเบื่อ เปลืองน้ำมัน คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่คุณโชคดี ยังมีรถขับ ขอบคุณที่ฝนไม่ตกซ้ำลงมาอีก ขอบคุณที่ได้ที่นั่งบนรถเมล์ ขอบคุณที่ได้ยืนถือเป็นการออกกำลังกายอีกวัน เป็นต้น

หากคุณสามารถมองสิ่งรอบตัวในมุมที่ดีดีได้ คิดเชิงบวกกับสิ่งเหล่านั้นได้ และสามารถขอบคุณสิ่งเหล่านั้นได้ และชื่นชมอย่างจริงใจ คุณก็จะสามารถสร้างแรงดึงดูดดีดี ให้กับชีวิตคุณได้ไม่ยาก

กระบวนการที่ 3 : Visualize หรือ รู้จักสร้างภาพ

การสร้างภาพในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการให้โกหกหลอกลวง สร้างภาพให้ดูดี ในสายตาคนอื่น แต่การสร้างภาพในที่นี้ หมายถึง การสร้างจิตนาการแห่งความหวังของคุณให้เป็นภาพออกมา เช่น

หากคุณต้องการมีบ้านสวย คุณลองวาดภาพบ้านในฝันของคุณออกมาดูซิ คุณก็จะมีความหวัง แรงบันดาลใจ พลังในจิตใจให้เกิดความพยายามในการสร้างสรรค์แนวทางที่จะให้ได้มาซึ่งบ้านใน ฝันของคุณ

ไม่เฉพาะสิ่งของ แม้แต่บุคคลหากเราฝันมันก็อาจเป็นจริง เชื่อได้ว่า ข้อนี้ ทุกคนก็คงเคยฝันถึง คนในอุดมคติ ที่คุณสามารถเอาเป็นแบบอย่างได้ ความลับข้อนี้ มันอาจถูกเปิดเผยมานานแล้ว แต่เพียงแต่เรายังไม่ทราบเท่านั้นเองว่า มัน คือ ช่องทางแห่งความสำเร็จ

การสร้างภาพ มันก็เหมือนเป็นการสะกดจิตตัวเอง ด้วยภาพ ที่อาจสร้างขึ้นมาในสมอง ในจิตใจ หรือ วาดออกมาให้เห็นจริงๆในวัสดุใดใด การสร้างภาพ ไม่ได้จำเพราะเพียงรูปภาพ แต่หมายรวมถึง ภาพของอักษรที่ร้อยเรียงคำพูด การกระทำของทั้งตัวเราเองและคนอื่นที่เราต้องการขอบคุณและชื่นชม เช่น หากคุณมองภาพดีดี หรือเขียนคำชื่นชมลูก สามี ภรรยา เจ้านาย ลูกน้อง ทุกวัน ก็จะทำให้คุณมีทัศนคติและความสัมพันธ์ที่ดีต่อพวกเค้า เป็นต้น

หากคุณได้เพ่งมอง และรู้จักชื่นชมภาพเหล่านี้ทุกวัน แรงดึงดูดภายในจิตใจคุณก็จะถูกสร้างขึ้น สิ่งที่คุณฝันก็จะบังเกิด ดังนั้น หากคุณสร้างภาพในใจ ในสมอง ในความคิด ที่เป็นสิ่งดีดี สิ่งที่น่าชื่นชม ปฎิกิริยาต่างๆของคุณก็จะแสดงออกมากับสิ่งเหล่านั้นดี ปัญหาความขุ่นใจก็จะถูกลบเลือนออกไป แล้วสิ่งดีดี ก็จะบังเกิดขึ้นกับคุณอย่างแน่นอน

ข้อคิดจากคำคม ใน The secret

"Whatever you're thinking and feeling today is creating your future""อะไรก็ตามที่คุณคิดและรู้สึกในวันนี้ คือ สิ่งที่สร้างอนาคตของคุณ"

"Your thaught and you feeling create your life"
"ความคิดและความรู้สึกของคุณ สร้างชีวิตคุณ"

"You create your own universe as you go along"

"คุณสามารถสร้างจักรวาลของคุณเองได้ ในทุกขณะที่คุณดำเนินชีวิต"

" Take the first step in faith you don't have to see the whole staircase just take the first step"
"เริ่มก้าวแรกด้วยความศรัทธา คุณไม่จำเป็นต้องเห็นขั้นบันไดทั้งหมด คุณแค่เริ่มต้นที่ก้าวแรก"

"When you want to change your circumstance you must first to change your thinking"
"หากคุณต้องการสิ่งที่เป็นอยู่รอบตัวคุณ คุณต้องเปลี่ยนความคิดคุณเป็นอันดับแรก"

"Imagination is everything. It is the preview of lifes coming attractions"
"จิตนการคือทุกสิง มันเปรียบเสมือนภาพของชีวิต ที่กลายเป็นแรงดึงดูด"

"Whatever the mind of man can conceive, it can achieve"
"อะไรก็ตาม ที่จิตใจของคนสามารถคิดได้ มันก็สามารถนำมาครอบครองได้"

"We are a creater of our universe"
"พวกเราคือผู้สร้างสรรรค์จักรวาลของพวกเราเอง"

"Energy flows when attention goes"
"พลังงานจะไหลลื่น เมื่อความมุ่งมั่นเกิดขึ้น"

"The relationship will really work, we need to focus on what we appriciate about the other person, not only complaining about"
"ความสัมพันธ์จะดำเนินไปด้วยดี หากคุณรู้จักชื่นชมสิ่งที่คุณประทับใจบ้าง ไม่ใช่เพียงแค่การบ่น ดุด่า หรือตำหนิ"

"We can not control other people, no matter how are we try"
"เราไม่สามารถควบคุมผู้อื่นได้ ไม่ว่าเราจะพยายามมากซักแค่ไหนก็ตาม"

" All power is from within and is therefore under our own control"
"พลังอำนาจทั้งหมดมาจากภายใน ฉะนั้นมันควรอยู่ภายใต้การควบคุมของเรา"

" You are the designer of your destiny. You are the writher who write your story.
The pen is in your hand and the outcome is whatever that you choose"

"คุณคือผู้ออกแบบชะตาชีวิตของตัวคุณเอง คุณคือผู้แต่งเรื่องราวของคุณเอง
ปากกาอยู่ในมือของคุณแล้ว และผลท้ายสุดที่ได้ ก็ขึ้นกับที่คุณจะเลือกเอง"
“เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะรู้สึกแย่ ในขณะที่คิดอะไรดีๆ” … Charles Haanel

“สิ่งที่คุณต่อต้าน จะยิ่งทานทน” … Carl Jung (1875-1961)

“ไม่ว่าคุณจะคิดว่าคุณทำได้ หรือคิดว่าคุณทำไม่ได้ คุณก็คิดถูกทั้งนั้น” .. Henry Ford (1863-1947)

สุดท้ายนี้ โปรดจงพึงระลึกอยู่เสมอว่า...


** หากต้องการลดน้ำหนัก อย่ามุ่งคิดถึงแต่การ ลดน้ำหนัก แต่จงรวมศุนย์ความคิดไปที่น้ำหนักที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ  จงรู้สึกถึงความรู้สึกยามที่น้ำหนักตัวของคุณพอเหมาะที่สุด แล้วคุณก็จะได้น้ำหนักตัวเท่านั้น ** จักรวาลไม่ต้องใช้เวลาในการนำมาซึ่งสิ่งที่คุณปรารถนา จะหนึ่งดอลล่าร์หรือล้านดอลล่าร์ก็ง่ายพอกัน

** สิ่งที่ปรากฏในปัจจุบันของคุณ เป็นผลจากการกระทำในอดีตของคุณนั่นเอง**

**หลายครั้งที่คุณพยายามให้สิ่งบางสิ่ง คนบางคน สถานที่บางสถานที่ สร้างความสุขให้คุณแต่ความสุขนั้นกลับไม่เกิดขึ้น เพราะแท้จริงแล้ว สิ่งเดียว คนเดียว และสถานที่เดียวที่จะสร้างความสุขอย่างแท้จริงให้กับคุณนั้น คือ ใจของคุณเอง ตัวของคุณเอง เท่านั้น**

** มันไม่ใช่น่าที่ของคุณที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณที่จะเปลี่ยนผู้คนรอบๆตัวคุณ งานและหน้าที่ของคุณ คือ ทำตัวให้สอดคล้อง เหมาะสม เพียงพอ และ พอใจ กับสิ่งที่คุณเป็นอยู่ และมุ่งมั่นให้ดีขึ้น**

** ทุกสิ่งคือพลังงาน เปลี่ยนแปลงถ่ายเทได้ จิตใจเท่านั้นที่สามารถควบคุม และเปลี่ยนแปลงทิศทางของพลังงานได้ คุณจะถ่ายเทให้พลังงานวิ่งไปจุดใด ทิศทางใด ดีหรือเลว ก็ขึ้นกับตัวคุณ**

** คุณเป็นต้นตอของพลังงานทั้งหมดในโลก คุณ คือ พระเจ้า ที่ปรากฏกายในร่างของมนุษย์ ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ**

** พลังงานไร้พรหมแดนฉันท์ใด ศักยภาพไร้ขอบเขตฉันท์นั้น คุณจะเดินทางไปได้ทุกที่ตราบเท่าที่คุณหวัง**

** สร้างวันของคุณไว้ล่วงหน้า ด้วยการคิดถึงวิถีทางที่คุณต้องการให้วันของคุณดำเนินไป แล้วคุณจะสามารถสร้างชีวิตของคุณเองได้จากความตั้งใจ

** ความสามารถทั้งหมด ความปิติทั้งหมด ความรักทั้งหมด ความสมบูรณ์ทั้งหมด ความเจริญรุ่งเรืองทั้งหมด มีพร้อมอยู่แล้วและรอคอยให้คุณมาคว้ามันไป เมื่อคุณกระหายมัน อยากได้มัน คุณต้องตั้งใจจริง และเมื่อคุณตั้งใจจริง และปรารถนาอย่างแรงกล้าถึงสิ่งนั้นที่คุณต้องการ สิ่งนั้นจะมาหาคุณ จงจดจำความสวยงามที่อยู่รอบตัวคุณ อวยพร ขอบคุณและชื่นชมมัน ในอีกด้านหนึ่งสำหรับสิ่งที่ยังไม่เป็นไปอย่างที่คุณต้องการให้เป็นในตอนนี้ จงอย่างทุ่มเทพลังงานให้กับมัน อย่าตำหนิ อย่าบ่น จงยินดีกับทุกสิ่งที่คุณต้องการและได้รับแล้วคุณจะมีมันมากขึ้นอีก**

** เริ่มฝึกจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ ก่อน เช่น กาแฟสักถ้วย หรือที่จอดรถ นี่เป็นวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยคุณได้สัมผัสกับการทำงานของกฏแห่งการดึงดูด จงตั้งใจและจริงจังที่จะดึงดูดอะไรสักอย่างที่เล็กๆก่อน เมื่อคุณได้ประจักษ์ในพลังดึงดูดของตนเองแล้ว  คุณก็สามารถยกระดับขึ้นสู่การสร้างอะไรที่ใหญ่กว่านั้นได้

ที่มา : DVD เรื่อง "The secret" 


หนังสือคิดใหญ่ไม่คิดเล็ก : The Magic of Thinking BIG

TEL: 020 2222 8597 / 5699 9579

คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก - The Magic of Thinking BIG


The Magic of Thinking BIG !บทที่ 1 กลวิธีจะสร้างพลังความเชื่อ
  • คิดว่าต้องสำเร็จ อย่าคิดว่าจะล้มเหลว
  • เตือนตัวเองอย่างสม่ำเสมอว่าคุณเก่งกว่าที่คุณคิด
  • คิดใหญ่ ขนาดของความสำเร็จถูกกำหนดโดยขนาดของความเชื่อของคุณ คิดอะไรเล็กๆ ก็จะประสบผลสำเร็จเพียงเล็กน้อย
สรุปอย่างสั้นๆ วิธีการรักษาข้ออ้างในเรื่องอายุก็คือ
  • มองอายุปัจจุบันของคุณในแง่ บวก คิดว่า คุณยังหนุ่ม ไม่ใช่ คุณแก่แล้ว คิดในสิ่งใหม่ เพื่อสร้างความกระตือรือร้น และความรู้สึกของความเป็นหนุ่ม
  • คำนวนเวลาที่คุณยังสามารทำ งานได้อย่างขยันขันแข็ง อย่าลืมว่าคนอายุ 30 ปี ยังสามารถใช้เวลาที่จะทำงานอีกถึง 80 เปอร์เซ็นต์และคนอายุ 50 ปียังคงเหลือเวลาทำงานอีกถึง 40 เปอร์เซ็นต์ที่ดีที่สุดในชีวิตของ ชีวิของเขา
  • ใช้เวลาในอนาคตทำในสิ่งที่ คุณต้องการทำจริง ๆจะเป็นการสายเกินแก้ถ้าคุณปล่อยให้จิตใจของคุณเป็นไปในทางลบและคิดว่ามัน สายเกินไปเสียแล้ว เลิกคิดว่า เราจะเริ่มมานานแล้ว เพราะนั่นเป็นความคิดล้มเหลว
บทที่ 2 รักษาโรคชอบแก้ตัวของคุณ โรคแห่งความล้มเหลว

หลัก 2 ประการเอาชนะข้ออ้างเรื่องโชค
  • ยอมรับกฎของสาเหตุและเหตุผล พิจารณาอีกครั้งถึงสิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็น โชคดี ของคนอื่นคุณจะพบว่าไม่ใช่เรื่องของดวงแต่เป็นเรื่องของการเตรียมการการวาง แผนและความคิดมุ่งสู่ความสำเร็จชึ่งที่เป็นเรื่องที่มาก่อนโชคลาภพิจารณาอีก ครั้งถึงเรื่องที่ดูเหมือนเป็นโชคร้ายของคนบางคน
  • อย่าเป็นคนอื่นเพ้อฟัน อย่าคิดให้เปลืองสมองและฝันถึงวิธีการเอาชนะหรือประสบผลสำเร็จโดยไม่ต้องทำ อะไรเลยคุณไม่สามารถทำผลสำเร็จได้ ก้าวหน้าในตำแหน่งงานหรือเพื่อให้ประสบชัยชนะหรือให้ได้สิ่งดีๆในชีวิตตรง กันข้ามหนัก การพัฒนาคุณสมบัติต่างๆในตัวเองที่จะทำให้คุณเป็นผู้ชนะ
บทที่ 3 สร้างความเชื่อมั่นในตนเองและทำลายความหวาดกลัว

สรุปหลักปฏิบัติในการสร้างความเชื่อมั่นและทำความหวาดกลัวในตัวเอง
  • การปฏิบัติเพื่อรักษาความ กลัวแยกแยะความกลัวออกมาแล้วทำในสิ่งที่เหมาะ สมการไม่ทำอะไรในสถนการณ์ที่เกิดขึ้นเท่ากับการเสริมความแข็งแก่งให้กับความ กลัวและทำลายความมั่นใจ
  • พยายามให้เติมกำลังที่จะใส่ เฉพาะความคิดที่เป็นบวกลงในความทรงจำอย่าให้ความคิดเป็นลบ และติเตียนตัวเองเติบโตเป็นอสูรกายทางจิตใจปฏิเสธฟื้นความหลังที่ขื่น ทุกประการ
  • จัดให้ทุกคนอยู่ในสถานภาพที่ เหมาะสมจำไว้ว่า คนเรามีความเหมือนกันกว่าที่จะแตกต่างกัน มองทุกคนด้วยความรู้สึกที่เท่าเทียมกันเราก็เป็นเพียงมนุษย์อีกคนหนึ่งและ สร้างทัศนคติที่เข้าใจผู้ อื่นคนจำนวนมากจะเห่าแต่มีน้อยคนที่กัด
  • ฝึกทำในสิ่งที่จิตสำนึกของ คุณที่ถูกต้องสิ่งนี้จะป้องกันความรู้สึกผิดในจิตใจไม่ให้เกิดขึ้นทำ สิ่งที่ถูกต้องเป็นสูตรแห่งความสำเร็จที่ใช้ได้ผลในทางปฏิบัติมาก
  • ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะบอกว่า "ผมมั่นใจ มั่นใจจริงๆ"
ฝึกเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ในกิจวัตรประจำวันของคุณ
  •    เป็นคนนั่งแถวหน้า
  •    สบตา
  •    เดินเร็วขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์
  •    พูด
  •    ยิ้มเปิดเผย
บทที่ 4 จำไว้ว่าคิดใหญ่ดีกว่าในทุกทาง
  • อย่ามีปมด้อย เอาชนะความรู้สึกที่ดูถูกตัวเอง มุ่งเน้นในคุณสมบัติของตัวเอง คุณดีกว่าที่คุณคิด
  • ใช้คำของคนที่คิดใหญ่ ใช้คำที่ใหญ่ สดใส และรื่นเริง ใช้คำพูดที่ให้สัญญาว่าจะชนะ ใหความหวังความสุข ความรื่นเริง หลีกเลี่ยงคำที่สร้างไว้
  • มองอนาคตให้ไกลขึ้น ดูว่าอะไรจะเป็นไปได้ ไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่เป็นอยู่ ฝึกเพิ่มคุณค่าให้กับสิ่งต่างๆ คนอื่นและตัวคุณเอง
  • มองงานของคุณให้ใหญ่ขึ้น คิดอย่างจริงจังถึงความสำคัญของงานที่คุณทำอยู่ในปัจจุบัน การเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งคราวหน้า ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับทัศนคติที่คุณมองงานในปัจจุบันของคุณ
  • อย่าคิดเรื่องจุกจิก เอาใจใส่ต่อวัตถุประสงค์หลัก ก่อนที่จะเข้าไป วุ่นวายกับเรื่องจุกจิกทั้งหลาย ถามตัวเองว่า " มันสำคัญอะไรนักหรือ " เติบใหญ่โดยการคิดใหญ่
บทที่ 5
  • เชื่อว่าเราทำได้ เมื่อคุณเชื่อว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นไปได้ จิตใจของคุณ จะหาหนทางที่จะทำมัน เชื่อว่ามีทางเปิดทางไปสู่คำตอบ ลบคำว่า "เป็นไปไม่ได้" " ใช้ไม่ได้" " ทำไม่ได้" ไม่มีประโยชน์ที่จะลอง" ออกจากความคิดและคำพูดของคุณ
  • อย่าให้ความคิดดั้งเดิม ทำให้จิตใจคุณเป็นอัมพาต ยอมรับความคิดใหม่ๆ ทดลองและลองแนวทางใหม่ เป็นคนหัวก้าวหน้าในทุกสิ่งที่คุณทำ
  • ถามตัวเองทุกวันว่า " เราจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร" ไม่มีข้อจำกัด ในการปรับปรุงตัวเองเมื่อคุณถามตัวเองว่า " เราจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร? คำตอบ จะปรากฏขึ้น ลองแล้วคอยดู
  • ถามตัวเองว่า "เราจะทำให้มากขึ้นได้อย่างไร ? " ความสามารถในการทำงานเป็นสภาวะของจิตใจ การถามตัวเองด้วยคำถามนี้จะส่งสัญญาณให้จิตใจคุณทำงาน หาวิธีที่จะตัดทอนงานที่ไม่จำเป็นต่างๆ องค์ประกอบร่วมของความสำเร็จในธุรกิจก็คือ ทำสิ่งที่คุณทำได้ดีขึ้น (ปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์) และทำในสิ่งที่คุณทำให้มากขึ้น (เพิ่มปริมาณของผลผลิต)
  • ฝึกถามและฟัง ถามและฟังแล้วคุณจะได้วัตถุดิบที่จะใช้ในการตัดสินใจที่ถูกต้อง จำไว้ว่าคนใหญ่ผูกขาดการฟัง คนเล็กผูกขาดการพูด
  • เปิดใจของคุณ ให้จิตใจของคุณได้รับการกระตุ้น สังสรรค์กับคนที่จะช่วยให้คุณคิดถึงความคิดใหม่ๆ วิธีการใหม่ๆ ในการทำสิ่งต่างๆ คลุกคลีกับคนที่อยู่ในอาชีพอื่น
บทที่ 6 คุณเป็นไปตามที่คุณคิดว่าคุณเป็น

ข้อแนะนำที่จำทำให้คนอื่นทำงานให้คุณมากขึ้น
  • แสดงทัศนคติทางด้านบวกเสมอเกี่ยวกับงานของคุณ เพื่อว่าลูกน้องจะได้รับความคิดที่ถูกต้อง
  • ในแต่ละวันขณะที่คุณทำงาน ถามตัวคุณเองว่า " ฉันมีค่าในทุกด้านที่สมควรแก่การเลียนแบบหรือไม่ ? นิสัยบางอย่างของคุณเป็นนิสัยของลูกน้องหรือไม่?
หล่อหลอมคำถามที่ว่า " นี่เป็นวิธีที่คนสำคัญใช้ใช่หรือไม่" ลงในจิตใจของคุณ ใช้คำถามทำให้ตัวคุณใหญ่ขึ้น และประสบผลสำเร็จสูงขึ้น กล่าวโดยย่อ จำไว้ว่า
  • ดูสำคัญ มันช่วยให้คุณคิดสำคัญ การปรากฏกายของคุณพูดกับคุณ ให้แน่ใจว่ามันช่วยยกระดับขวัญกำลังใจ และความเชื่อมั่น ในตนเองของคุณ การปรากฏกายของคุณพูดกับคนอื่นด้วย เพราะฉะนั้นให้แน่ใจว่ามันพูดว่า "นี่คือคนสำคัญ ฉลาด มั่งคั่ง และไว้ใจได้"
  • คิดว่างานของคุณสำคัญ คิดแบบนี้แล้วคุณจะได้รับสัญญาจากจิตใจถึงวิธีที่จะทำงานของคุณให้ดีขึ้น คิดว่างานของคุณสำคัญแล้วลูกน้องของคุณจะคิดว่างานของเขามีความสำคัญเช่นกัน
  • พูดอย่างห้าวหาญกับตัวเองวัน ละหลายๆ ครั้ง สร้างโฆษณา " ขายตัวเองให้กับตัวคุณเอง " พูดย้ำกับตัวเองในทุกโอกาสว่า คุณเป็นคนชั้นหนึ่ง
  • ในทุกสถานการณ์ของชีวิต ถามตัวเองว่า " นี่เป็นวิธีการที่คนสำคัญคิดใช่หรือไม่" แล้วเชื่อฟังคำตอบนั้น
บทที่ 7 จัดการกับสภาพแวดล้อมของคุณเอาชั้นหนึ่ง

วิธีทดสอบว่า ตัวเองเป็นคนชอบนินทาหรือไม่
  • ผมชอบปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับคนอื่นหรือไม่
  • ผมมีเรื่องดีๆ ที่จะพูดเกี่ยวกับคนอื่นเสมอ
  • ผมชอบฟังรายงานเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวหรือไม่
  • ผมตัดสินคนอื่นเฉพาะบนพื้นฐานของความเป็นจริงใช่ใหม
  • ผมชอบสนับสนุนคนอื่นให้เล่าข่าวลือให้ผมฟัง
  • ผมชอบเริ่มคำสนทนาด้วยคำว่า "อย่าบอกใคร" หรือไม่
  • ผมเก็บเรื่องลับเป็นความลับหรือไม่
  • ผมรู้สึกผิดเกี่ยวกับสิ่งที่ผมพูดถึงคนอื่นหรือไม่
สรุปการทำให้สภาพแวดล้อมของคุณ นำคุณไปสู่ความสำเร็จ
  • เป็นคนระวังในเรื่องสภาพแวดล้อม เช่นเดียวกับการที่อาหารสร้างร่างกาย อาหารใจ สร้างจิตใจ
  • ใช้สภาพแวดล้อมของคุณทำให้ คุณ ไม่ใช่ต่อต้านคุณอย่าให้พลังด้านที่มาจากคนที่มี ความคิดลบ คนที่ชอบคิดแต่ว่าทำไม่ได้ มาทำให้คุณไขว้เขว และคิดอย่างพ่ายแพ้
  • อย่าให้คุณคิดเล็กดึงคุณไว้ คนขี้อิจฉาต้องการเห็นคุณล้ม อย่าให้เขาสมหวัง
  • ขอคำแนะนำจากผู้ที่ประสบผลสำเร็จ อนาคตของคุณเป็นสิ่งสำคัญ อย่าเสี่ยงกับที่ปรึกษาอิสระที่มีชีวิตที่ล้มเหลว
  • รับแสงแดดของจิตใจให้มาก สังคมกับคนกลุ่มใหม่ๆ ค้นหาและทำสิ่งใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น
  • โยนยาพิษของความคิดออกจากสภาพแวดล้อมของคุณ หลีกเลี่ยงการนินทา คุยเกี่ยวกับเรื่องงานแต่พูดเฉพาะในด้านที่เป็นบวก
  • เอาชั้นหนึ่งในทุกสิ่งที่คุณทำ คุณไม่มีปัญญาเอาชั้นอื่นแพงเกินไป เมื่อเทียบกับคุณภาพของมัน
บทที่ 8 ทำให้ทัศนคติของคุณเป็นพวกเดียวกับคุณ

วิธีการปลูกฝังทัศนคติ ๓ ประการให้เกิดกับคุณ
  • ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า ผมกระตือรือร้น
  • ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า คุณเป็นคนสำคัญ
  • ปลูกฝังทัศนคติ บริการเป็นอันดับหนึ่ง

สรุปวิธีปลูกฝังทัศนคติที่จะนำให้คุณไปสู่ความสำเร็จ
  • ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า "ฉันกระตือรือร้น" ผลตอบแทนมาเป็นสัดส่วนกับความ กระตือรือร้นที่ลงทุนลงไปมีสิ่ง ๓ สิ่งที่จะช่วยทำให้คุณกระตือรือร้นดังนี้
    • ศึกษาให้ลึกซึ้ง เมื่อคุณพบว่าคุณไม่ได้สนใจในบางสิ่งบางอย่างค้นคว้าและเรียนรู้มากขึ้น เกี่ยวกับมัน สิ่งนี้จะสร้างความกระตือรือร้นขึ้นมาได้
    • เพิ่มชีวิตชีวา ในทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณ การยิ้มของคุณ การจับมือการพูด แม้แต่การเดิน ทำให้มีชีวิตชีวา
    • การประกาศข่าวดี ไม่มีใครเคยประสบความสำเร็จในทางที่เป็นบวกโดยการประกาศข่าวร้าย
  • ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า คุณเป็นคนสำคัญ และทุกคนจะทำให้คุณมากกว่าเมื่อคุณทำให้เขารู้สึกสำคัญ อย่าลืมทำสิ่งต่อไปนี้
    • ในทุกโอกาสแสดงความสำนึกในบุญคุณเท่าที่ทำได้ และทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญ
    • เรียกคนอื่นโดยเรียกชื่อของเขา
  • ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า บริการอยู่เหนือสิ่งอื่นใด และดูเงินที่จะตามมาเอง ตั้งเป็นกฏว่าคุณจะทำให้คนอื่นมากกว่าที่เขาคาดว่าจะได้รับ
บทที่ 9 คิดให้ถูกต้องต่อคนอื่น

กฎ 10 ข้อ ทำให้คนชอบคุณ
  • เรียนรู้ที่จะจำชื่อคน การขาดประสิทธิภาพที่จุดนี้อาจจะแสดงให้เห็นว่า ความสนใจของคุณยังไม่ได้เปิดออกไปเพียงพอ
  • เป็นคนที่เป็นกันเอง เพื่อว่าคนที่พบคุณจะได้ไม่เกิดความเครียด
  • ทำตัวให้เป็นคนง่ายๆ เพื่อสิ่งต่างๆ จะไม่ทำให้คุณหัวเสีย
  • อย่าอวดดี ระวังการแสดงออกที่จะสร้างความรู้สึกว่า คุณรู้ทุกอย่าง
  • ทำตัวให้น่าสนใจ เพื่อที่ว่าคนที่เกี่ยวข้องกับคุณจะได้บางสิ่งบางอย่างที่มีประโยชน์
  • พยายามที่จะตัดส่วนความ " หลุกหลิก" ของบุคลิกภาพของคุณออกไป แม้แต่ส่วนที่คุณอาจทำไปโดยไม่รู้ตัว
  • พยายามที่จะไกล่เกลี่ยความไม่เข้าใจทุกอย่างที่คุณเคยมี หรือที่กำลังมีอยู่อย่างจริงใจ บนพื้นฐานของศาสนา ลืมความขมขื่นให้หมด
  • ฝึกชอบคน จนกระทั่งคุณทำได้จริงๆ
  • อย่าพลาดโอกาสแม้แต่ครั้งเดียวที่จะพูดแสดงความยินดีกับความสำเร็จของคนอื่น หรือแสดงความเห็นใจในความโศกเศร้าหรือผิดหวัง
  • ให้ขวัญและกำลังใจแก่คน และเขาจะมีความรักต่อคุณอย่างแท้จริง
6 วิธีการที่จะได้เพื่อน
  • แนะนำตัวเองกับคนอื่นในทุกโอกาสที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะในงานปาร์ตี้ การพบปะสร้างสรรค์ บนเครื่องบิน ในงาน และทุกๆ แห่ง
  • ให้แน่ใจว่าคนอื่นจำชื่อของคุณได้เป็นพิเศษ
  • ให้แน่ใจว่าคุณเรียกชื่อคนอื่นถูกต้องตามที่เขาออกเสียง
  • เขียนชื่อคนอื่น และให้แน่ใจค่อนข้างมากว่าคุณสะกดชื่อของเขาถูกต้อง ถ้าเป็นไปได้ขอที่อยู่และเบอร์โทศัพท์ด้วย
  • ส่งจดหมายส่วนตัวหรือ โทรศัพท์ถึงเพื่อนใหม่ที่คุณรู้สึกต้องการที่จะรู้จักให้ดีขึ้น นี่เป็นประเด็นสำคัญ ผู้ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่สร้างสัมพันธ์ต่อเนื่องกับเพื่อนใหม่โดยจดหมาย หรือโทรศัพท์
  • และสุดท้าย แต่ไม่ใช่ทั้งหมด พูดสิ่งที่รื่นรมย์กับคนแปลกหน้า มันทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นและทำให้คุณพร้อมสำหรับภารกิจข้างหน้า
สรุปการปฏิบัติสำหรับการคิดอย่างถูกต้องต่อคนอื่น
  • ทำให้ตัวเองเบาลงในการที่จะ ยก ฝึกเป็นคนที่น่านิยมชมชอบ ฝึกเป็นคนประเภทที่คนทั่วไปชอบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เขาสนับสนุนคุณ และเติมเชื้อเพลิงให้กับโปรแกรมสร้างความสำเร็จของคุณ
  • เป็นผู้ริเริ่มในการสร้าง ความเป็นเพื่อน แนะนำตัวเองกับคนอื่นในทุกโอกาสที่ทำได้ ให้แน่ใจว่าคุณได้ชื่อที่ถูกต้องของคนอื่น และให้แน่ใจเท่าๆ กันว่า เขาได้ชื่อคุณเช่นเดียวกัน ส่งจดหมายส่วนตัวถึงเพื่อนใหม่ของคุณ ถ้าคุณอยากรู้จักเขาเขาดีขึ้น
  • ยอมรับความแตกต่างและข้อ จำกัดในมนุษย์ อย่าคาดหวังความสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์จากผู้ใด อย่าลืมว่าคนอื่นมีสิทธิที่จะแตกต่าง และอย่าเป็นคนชอบแย้ง
  • เปิดช่องบวก สถานีจิตใจที่ดี ค้นหาคุณสมบัติที่จะชื่นชอบและยกย่องคนอื่น ไม่ใช่ค้นหาแต่สิ่งที่จะทำให้เกลียด และอย่าให้คนอื่นทำให้ความคิดของคุณลำเอียงกับบุคคลที่สาม คิดสิ่งที่เป็นบวกต่อคนอื่น แล้วคุณจะได้ผลที่เป็นบวก
  • ฝึกเป็นคนเอื้ออารีในการส นทนา เป็นเหมือนคนที่ประสบความสำเร็จ สนับสนุนให้คนอื่นพูด ให้คนอื่นพูดกับคุณเกี่ยวกับตัวเขา ความเห็นของเขา และความสำเร็จของเขา
  • ฝึกเป็นคนเอื้อเฟื้อตลอดเวลา มันทำให้คนอื่นรู้สึกดีขึ้น และมันทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นด้วย
  • อย่าโทษคนอื่นเมื่อคุณพ่ายแพ้ จำไว้ว่าวิธีการที่คุณคิด เมื่อคุณประสบความพ่ายแพ้จะเป็นตัวกำหนดว่าอีกนานเท่าไรคุณถึงจะชนะ 
บทที่ 10 สร้างนิสัยในการลงมือทำ
  • เป็นคนกระตือรือร้น เป็นคนทำงาน เป็นนักทำ อย่าเอามือซุกหีบ
  • อย่ารอจนกระทั่งเงื่อนไขต่างๆ สมบูรณ์แบบ มันไม่มีเกิดขึ้นเผชิญหน้ากับความยุ่งยาก และอุปสรรคในอนาคต และแก้ปัญหาเมื่อเกิดขึ้น
  • จำไว้ว่า ลำพังความคิดเพียงอย่างเดียวไม่ทำให้เกิดความสำเร็จ แต่ความคิดจะมีค่าก็ต่อเมื่อได้รับการปฏิบัติ
  • ใช้การลงมือปฏิบัติช่วยขจัดความกลัวและสร้างความมั่นใจ ทำในสิ่งที่กลัวแล้วความกลัวจะหายไป ลองทำแล้วคอยดู
  • ติดเครื่องความคิดของคุณด้วยมือ อย่ารอให้จิตใจผลักดันคุณให้ทำแต่ลงมือทำไปก่อน แล้วคุณจะผลักดันจิตใจให้คิด
  • คิดในเกณฑ์ของคำว่า เดี๋ยวนี้ คำว่าพรุ่งนี้ อาทิตย์หน้า วันหลัง หรือ คำอื่นๆ ที่คล้ายกันนั้น มักเป็นคำที่เหมือนหรือใกล้เคียงกับคำแห่งความล้มเหลวนั่นคือไม่มีวัน จงเป็นคนประเภท " ฉันจะเริ่มเดี๋ยวนี้"
  • นั่งลงและทำงาน อย่าเสียเวลาเตรียมตัวที่จะทำ เอาเวลานั้นมาทำงานดีกว่า
  • เป็นผู้ริเริ่ม เป็นนักรณรงค์ หยิบลูกบอล และออกวิ่ง เป็นอาสาสมัคร แสดงให้เห็นว่า คุณมีความสามารถและมีความทะเยอทะยาน ที่จะทำ 
บทที่ 11 วิธีเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ

สรุปวิธีเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ
  • ศึกษาความพ่ายแพ้เพื่อที่จะปูทางไปสู่ความสำเร็จ เมื่อคุณแพ้ ควรเรียนรู้และเอาชนะในครั้งต่อไป
  • มีความกล้าหาญที่จะวิจารณ์ตัวเอง ค้นให้พบความผิดพลาดและจุดอ่อนของตัวเอง และทำการแก้ไข สิ่งนี้จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ
  • หยุดโทษโชคชะตา ตรวจสอบการพ่ายแพ้แต่ละครั้ง ค้นหาว่าอะไรผิดพลาด จำไว้ว่าการโทษโชคชะตาไม่ทำให้ใครสามารถไปในที่ที่เขาต้องการจะไปได้
  • ผสมผสานความมุมานะกับการทดลอง ยึดติดกับเป้าหมาย แต่อย่าเอาหัวชนฝา ทดลองวิธีการใหม่ๆ
  • จำไว้ว่า มีด้านที่ดีอยู่ในทุกสถานการณ์ ค้นหาดู มองด้านที่ดี และ หันหลังให้กับความท้อแท้หมดหวัง 
บทที่ 12 ใช้เป้าหมายช่วยให้คุณโต

สรุปเป้าหมายการสร้างความสำเร็จ
  • กำหนดให้ชัดเจนว่าคุณต้องการไปทางไหน สร้างภาพพจน์ของตัวคุณเอง ๑๐ ปีนับจากนี้
  • เขียนแผน ๑๐ ปีของคุณ ชีวิตของคุณเป็นสิ่งที่สำคัญเกินกว่าที่จะปล่อยให้เป็นไปตามดวง เขียนลงในกระดาษในสิ่งที่คุณต้องการทำให้สำเร็จในงานของคุณ ครอบครัว และชีวิตในสังคม
  • ยอมจำนนต่อความปรารถนาของคุณ ตั้งเป้าหมายเพื่อให้ได้รับพลังงาน ตั้งเป้าหมายเพื่อให้สิ่งต่างๆ ได้รับการปฏิบัติจนสำเร็จ ตั้งเป้าหมายและพบความสนุกสนานและเพลิดเพลินในการใช้ชีวิต
  • ปล่อยให้เป้าหมายหลักของคุณ เป็นตัวชี้นำชีวิตอัตโนมัติของคุณ เมื่อ คุณปล่อยให้เป้าหมายครอบจิตใจของคุณ คุณจะพบว่าคุณตัดสินใจอย่างถูกต้อง ที่จะบรรลุสู่เป้าหมายนั้นเสมอ
  • ทำงานสู่เป้าหมายทีละขั้น ถือว่าแต่ละก้าวที่คุณทำเป็นอีกก้าวหนึ่งสู่เป้าหมาย ไม่ว่าก้าวนั้นจะดูเหมือนก้าวเล็กแค่ไหนก็ตาม
  • สร้างเป้าหมาย ๓๐ วัน ความพยายามในแต่ละวัน ในที่สุด จะให้ผลที่ต้องการตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
  • เดินอ้อมในการก้าวย่างของคุณ ทางอ้อมมีความหมายเป็นเพียงอีกทางหนึ่ง มันไม่ควรจะหมายถึงการยอมจำนนในเป้าหมายของคุณ
  • ลงทุนในตัวเอง ซื้อสิ่งที่สร้างพลังทางจิตใจและประสิทธิภาพ ลงทุนในการศึกษา ลงทุนในสิ่งที่สร้างความคิด 
บทที่ 13 วิธีที่จะคิดเหมือนกับเป็นผู้นำ

หลักการหรือกฏแห่งการเป็นผู้นำ ๔ ประการ
  • แลกเปลี่ยนจิตใจกับคนที่คุณต้องการจะมีอำนาจชักจูงใจเขา
  • คิดว่า อะไรคือ วิธีการการจัดการกับปัญหาอย่างมีความเป็นมนุษย์
  • คิดอย่างก้าวหน้า เชื่อในความก้าวหน้าและผลักดันเพื่อความก้าวหน้า
  • หาเวลานอกเพื่อที่จะปรึกษากับตัวเอง
     
อุทาหรณ์ - ประจำตัว
- โลกนี้ จะเป็นอย่างไร ถ้าคนทุกคนในโลก เหมือนกับผม

สรุปการคิดที่จะเป็นผู้นำ
  • แลกเปลี่ยนจิตใจกับคนที่คุณ ต้องการ มีอำนาจชักจูงจิตใจ มันเป็นการง่ายที่จะทำให้คนอื่นทำในสิ่งที่คุณต้องการให้เขาทำ ถ้าคุณจะมองสิ่งต่างๆ จากสายตาของเขา ถามตัวเองด้วยคำถามนี้ก่อนที่คุณจะลงมือทำ "ผมจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร ถ้าผมเป็นเขา และเขาเป็นผม "
  • ประยุกต์ใช้กฏ " ความเป็นมนุษย์" ในการติดต่อสัมพันธ์กับคนอื่นถามว่า " อะไรคือ วิธีที่มีความเป็นมนุษย์ในการจัดการกับปัญหานี้ ?" ในทุกๆ สิ่งที่คุณทำ แสดงให้เห็นว่าคุณให้ความสำคัญกับคนเป็นอันดับแรก ปฏิบัติต่อคนในแบบที่คุณอยากได้รับการปฏิบัติ คุณจะได้รับผลตอบแทนไม่ช้าก็เร็ว
  • คิดอย่างก้าวหน้า เชื่อในความก้าวหน้า และผลักดันเพื่อความก้าวหน้า คิดปรับปรุงในทุกสิ่งที่คุณทำ คิดมาตรฐานสูงในทุกสิ่งที่คุณทำ ในระยะเวลาหนึ่งลูกน้องมีแนวโน้มที่จะเป็นรูปสำเนาของหัวหน้าของเขา ให้แน่ใจว่ารูปต้นแบบมีค่าควรแก่การทำสำเนา ตั้งเป็นนโยบายส่วนตัวต่อไปนี้ "ที่บ้าน ที่ทำงาน ในสังคม ถ้ามันเป็นเรื่องของความก้าวหน้า ผมเห็นด้วย "
  • หาเวลานอกพูดคุยกับตนเอง และดึงพลังความคิดชั้นสุดยอดของคุณออกมาใช้ การตั้งใจอยู่โดดเดี่ยว ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า ใช้มันในการปลดปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ของคุณออกมา ใช้มันในการค้นหาคำตอบให้แก่ปัญหาส่วนตัวและธุรกิจ ดังนั้นใช้เวลาบางส่วนสำหรับอยู่ตัวคนเดียว ทุกวันเพียงเพื่อที่จะคิด ใช้เทคนิคการคิดที่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายใช้ นั่น คือ พูดคุยกับตัวเอง 
บทที่ 14 วิธีใช้ความมหัศจรรย์ของการคิดใหญ่ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่สุดของชีวิต
  • คุณชนะถ้าคุณปฏิเสธที่จะสู้ กับคนคิดเล็กคิดน้อย การต่อสู้กับคนเล็กจะลดขนาดของคุณให้เท่ากับขนาดของเขา เพราะฉะนั้นยืนอยู่ในตำแหน่งที่ใหญ่ไว้
  • คาดไว้ได้เลยว่าคุณจะต้องถูกแทงข้างหลัง นั่นเป็นการพิสูจน์ว่าคุณกำลังโต
  • เตือนตัวเองว่าคนลอบกัดมีความเจ็บป่วยทางจิตใจ จงเป็นคนใหญ่และให้ความสงสารแก่พวกเขา
คิดให้ใหญ่พอที่จะปลอดภัยจากการโจมตีของพวกคิดเล็กคิดน้อย
เมื่อความรู้สึกที่ว่า " ผมไม่มีสิ่งที่จำเป็นต่อความสำเร็จ" คืบคลานเข้ามาหาคุณ จงคิดใหญ่ จำไว้ว่าคุณคิดว่าคุณอ่อนแอ คุณก็จะอ่อนแอ ถ้าคิดว่าคุณไม่มีความสามารถเพียงพอ คุณก็ไม่มี ถ้าคิดว่าคุณเป็นคนชั้นสอง คุณก็เป็น โจมตีแนวโน้มทางธรรมชาติของคนที่จะรู้สึกตนเองว่าต่ำต้อย ด้วยเครื่องต่อไปนี้
  • ทำให้ดูสำคัญ มันช่วยให้คุณคิดในสิ่งที่สำคัญ รูปร่างหน้าตาและการปกรากฏภายนอกของคุณมีส่วนเกี่ยวพันกับความรู้สึกภายใน ของคุณเป็นอย่างมาก
  • มุ่งเน้นในคุณสมบัติของคุณ สร้างวิธีการขายตัวเองให้กับตัวเองแล้วใช้มัน เรียนรู้ที่จะชาร์จพลังตัวคุณเอง รู้จักด้านบวกของตัวเอง
  • วางคนอื่นให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม คนอื่นก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง เพราะฉะนั้นกลัวเขาทำไม
คิดให้ใหญ่เพียงพอ เพื่อที่จะเห็นว่าคุณดีแค่ไหนจริงๆ
เมื่อการทะเลาะเบาะแว้งดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ จงคิดใหญ่พยาบาท อาฆาต จะไม่ช่วยคุณไปถึงที่ที่คุณต้องการจะไป
  • ถามตัวเองว่า "จริงๆ แล้ว สิ่งนี้สำคัญแค่ไหนที่จะต้องถกเถียงกัน
  • เตือนตัวเองว่า คุณไม่ได้อะไรเลยจากการทุ่มเถียง แต่คุณจะเสียอะไรบางสิ่งบางอย่างเสมอ
คิดให้ใหญ่เพียงพอที่จะเห็นว่าการทะเลาะ การทุ่มเถียง และความพยาบาท อาฆาต จะไม่ช่วยคุณไปถึงที่ๆ คุณต้องการจะไป
เมื่อคุณรู้สึกพ่ายแพ้ จงคิดใหญ่ มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะประสบความสำเร็จใหญ่หลวงโดยปราศจากความยาก ลำบากและความผิดพลาด แต่มันเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตอยู่โดยปราศจากการถูกทำให้พ่ายแพ้ นักคิดใหญ่มีปฏิกิริยา ต่อความผิดพลาดโดยวิธีนี้
  • ถือว่า ความผิดพลาดเป็นบทเรียน เรียนรู้จากมัน วิเคราะห์ดูความผิดพลาดและใช้มันในการส่งคุณให้ก้าวหน้าไปข้างหน้า กอบกู้ที่เหลืออยู่จากความผิดพลาดทุกครั้ง
  • ผสมผสานความมุ่นมั่นกับการทดลอง ถอยหลังและเริ่มทำใหม่ด้วยวิธีการใหม่ๆ
คิดให้ใหญ่พอที่จะเห็นว่าความพ่ายแพ้สภาวะของจิตใจไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

คิดใหญ่เกี่ยวกับความรัก
  • มุ่งเน้นในคุณสมบัติสำคัญที่สุดกับคนที่คุณต้องการให้รักคุณ เก็บสิ่งเล็กๆ น้อย ๆ ไว้ในที่ของมัน ที่ชั้นสอง
  • ทำบางสิ่งบางอย่างเป็นพิเศษสำหรับคู่ของคุณ และทำบ่อยๆ คิดให้ใหญ่พอที่จะพบความสุขของชีวิตแต่งงาน
คิดใหญ่เมื่อความก้าวหน้าของงานช้าลง
  • คิดว่า " ผมสามารถทำให้ดีขึ้น"
  • การบริหารอยู่เหนือสิ่งอื่นใด
ลิเลียส ไซรัส ได้กล่าวไว้ว่า - คนฉลาดจะเป็นนายของจิตใจ คนโง่จะเป็นทาส

TEL: 020 2222 8597 / 5699 9579 Mr Kham Phat

หนังสือพ่อรวยสอนลูก ,รู้จักธุรกิจเครือข่าย, ทำไมต้องธุรกิจเครือข่าย TEL: 020 2222 8597

 

นังสือพ่อรวยสอนลูก

สรุปเนื้อหา พ่อรวยสอนลูก - RichDad PoorDad - โรเบิร์ต คิโยซากิ - Robert T. Kiyosaki

พ่อแท้ๆ ของผู้เขียน มีตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมการศึกษาของรัฐฮาวาย ในหนังสือผู้เขียนเรียกว่า Poor Dad

ผู้เขียนมีเพื่อนที่สนิทมากตั้งแต่เด็กๆ ชื่อ ไมค์ และพ่อของไมค์เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในกิจการหลายๆ อย่าง จนมีอาณาจักรที่ใหญ่โต ในหนังสือผู้เขียนเรียกว่า Rich Dad
ตอนที่หนึ่ง พ่อรวย – พ่อจน
พ่อทั้งสองของผู้ เขียนต่างก็เป็นคนดี มีผู้เคารพนับถือมาก แต่มีคำสอนเรื่องการดำรงชีวิตที่แตกต่างกันสุดขั้ว ผู้เขียนได้รับฟังคำสอนที่แตกต่างกันทั้ง 2 ด้านตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ทำให้ผู้เขียนต้องรู้จักวิเคราะห์พิจารณาในคำสอนตั้งแต่เด็ก
พ่อจน
พ่อรวย
ความรักเงิน เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย
การขาดเงิน เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย
คนรวยควรเสียภาษีมากๆ เพื่อช่วยคนจน
ภาษีทำโทษคนขยัน ให้รางวัลคนขี้เกียจ
เรียนมากๆ จะได้ทำงานกับบริษัทที่มั่นคง
เรียนมากๆ จะได้ซื้อบริษัทที่มั่นคง
พ่อไม่รวย เพราะพ่อมีลูก
พ่อต้องรวย เพราะพ่อมีลูก
ห้ามพูดเรื่องเงินตอนทานข้าว
ชอบคุยเรื่องเงินตอนทานข้าว
เรื่องเงินทองต้องปลอดภัยไว้ก่อน
ต้องรู้จักวิธีจัดการกับความเสี่ยง
บ้าน เป็นการลงทุนและทรัพย์สินที่ใหญ่ที่สุด
บ้าน เป็นหนี้สินที่ใหญ่ที่สุดและไม่ใช่การลงทุน
ชำระหนี้เป็นอันดับแรก
ชำระหนี้เป็นอันดับสุดท้าย
ประหยัดทุกบาททุกสตางค์เพื่อสะสมเงิน
ใช้ทุกบาททุกสตางค์เพื่อการลงทุน
สอนวิธีเขียนประวัติส่วนตัวอย่างไร จึงจะได้งานทำ
สอนวิธีเขียนแผนธุรกิจอย่างไร จึงจะสร้างงาน
ชาตินี้ ไม่มีวันรวยแน่
คนรวย เขาไม่ทำกันอย่างนั้นหรอก
เงิน ไม่ใช่สิ่งสำคัญ
เงิน คืออำนาจ
เรียน เพื่อทำงานให้ได้เงินเดือนสูงๆ
เรียน เพื่อรู้วิธีใช้เงินทำงานให้เรา
พ่อ ไม่ทำงานเพื่อเงิน
เงิน ทำงานให้พ่อ
ตอนที่สอง บทเรียนที่ 1 : คนรวยไม่ทำงานเพื่อเงิน

ผู้เขียนได้รู้จักกับพ่อของไมค์ และขอร้องให้สอนวิธีหาเงิน
“ ถ้าเธออยากทำงานเพื่อเงิน เธอไปเรียนเอาที่โรงเรียน แต่ถ้าอยากเรียนวิธีใช้เงินทำงานให้เรา ฉันจะสอน “
“ การเรียนรู้วิธีใช้เงินทำงาน เป็นวิชาที่ต้องเรียนกันชั่วชีวิต “
“ การขาดเงินนั้น แย่พอๆ กับการผูกติดกับเงินนั่นแหละ “
“ อย่าให้อารมณ์เป็นตัวกำหนดการกระทำ รับรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ แต่ต้องใช้สมองกำหนดการกระทำ “

ตัวอย่างการพูดจากอารมณ์

“ ต้องหางานทำให้ได้ ”
“ ฉันจะสอนให้เธอเป็นนาย ไม่ใช่เป็นทาสของเงิน ”
“ ที่สุดแล้วเราทุกคนเป็นลูกจ้าง แต่ในระดับที่แตกต่างกัน “
“ ฉันอยากให้เธอหลีกเลี่ยงกับดัก ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยความกลัวและความโลภ “
“ ถ้าเราควบคุมความต้องการได้ เราจะมีเวลาคิดไตร่ตรองมากขึ้น “
“ หลายคนตั้งตารอวันเงินเดือนออก รอวันเงินเดือนขึ้น เพราะความกลัวและความต้องการ “
“ เราควรมีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง ความฝันและความสุข ไม่ใช่นอนก่ายหน้าผากกังวลว่าจะมีเงินให้ใช้ครบเดือนหรือไม่ “
“ ความเขลาไม่ใส่ใจเรื่องเงิน ทำให้เกิดความกลัวและความโลภ “
“ จำไว้ว่าการได้งานทำคือการแก้ปัญหาระยะสั้น ทุกคนคิดแค่วันเงินเดือนออก ปล่อยให้เงินมีอำนาจเหนือชีวิตพวกเขาจึงมีลักษณะคล้ายกันคือตื่นแต่เช้าไปทำ งาน ไม่เคยหยุดคิดเลยว่า ‘มีวิธีอื่นที่ดีกว่ามั้ย’ “
ความคิดที่มาจากอารมณ์ที่ได้ยินบ่อยๆ
“ ทุกคนต้องทำงาน “
“ คนรวยขี้โกง “
“ ผมควรจะได้ขึ้นเงินเดือนมิฉะนั้นจะลาออก “
“ ฉันชอบงานนี้เพราะมั่นคง “
ความคิดที่ใช้สมอง
“ ฉันมองข้ามอะไรไปหรือเปล่า “
ตอนที่สาม บทเรียนที่สอง: ทำไมต้องรู้เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ

“ การมีเงินมากๆ นั้น ไม่สำคัญเท่ากับการรู้จักวิธีรักษาเงินให้อยู่กับเราตลอดไป “
“ พ่อจนจะเน้นให้อ่านมากๆ พ่อรวยจะบอกให้เรียนเรื่องเงิน “
กฏข้อที่-1 ต้องรู้ว่าอะไรคือทรัพย์สิน อะไรคือหนี้สิน
“ คนรวยเพิ่มทรัพย์สิน คนชั้นกลางเพิ่มหนี้สินโดยเข้าใจว่าเป็นทรัพย์สิน “
“ ถ้าอยากรวย ต้องอ่านให้เข้าใจตัวเลขและคำอธิบายเบื้องหลังนั้น “
“ ทรัพย์สินคือเงินใส่กระเป๋า หนี้สินคือเงินออกจากกระเป๋า “

การหมุนเวียนของกระแสเงินสดของคนจน

รายได้

เงินเดือน

รายจ่าย

ภาษี , อาหาร , ค่าเช่า , เสื้อผ้า , สันทนาการ , เดินทาง

 

ทรัพย์สิน

หนี้สิน


การหมุนเวียนของกระแสเงินสดของคนชั้นกลาง


 

งาน

รายได้

เงินเดือน

รายจ่าย

ภาษี , อาหาร , ค่าเช่า , เสื้อผ้า , สันทนาการ , เดินทาง

 

ทรัพย์สิน

หนี้สิน


เงินกู้บ้าน , สินเชื่อผู้บริโภค , บัตรเครดิต
การหมุนเวียนของกระแสเงินสดของคนรวย

รายได้

เงินปันผล , ดอกเบี้ย , ค่าเช่า , ค่าลิขสิทธิ์

รายจ่าย


 

ทรัพย์สิน

หนี้สิน

หุ้น , พันธบัตร , ตั๋วสัญญาใช้เงิน , อสังหาริมทรัพย์ , ทรัพ์สินทางปัญญา
=== พ่อของไมค์ไม่ใช่นักวิชาการ แต่ความรู้เรื่องการเงินทำให้เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ===
=== โรงเรียนมีไว้ผลิตลูกจ้างที่ดี ไม่ได้มีไว้ผลิตนายจ้าง ===
=== พ่อจนมองว่าบ้านเป็นทรัพย์สิน พ่อรวยมองว่าบ้านเป็นหนี้สิน ===
=== เครื่องวัดฐานะทางการเงินคือ ถ้าเราหยุดทำงานวันนี้ เราจะมีเงินประทังชีวิตต่อไปอีกนานเท่าใด ===
=== เป้าหมายชีวิตของผมคือ การมีอิสระจากภาระทางการเงินทั้งปวง ===
=== สมมติว่าผมมีทรัพย์สินที่ทำเงินได้เดือนละ 2000 เหรียญ และมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 2000 เหรียญ ผมสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งเงินเดือนถึง 30 วัน ===
=== ขั้นต่อไปคือ การนำรายได้จากทรัพย์สินกลับไปลงทุนในช่องหนี้สิน เพื่อขยายขนาดช่องทรัพย์สินให้โตขึ้น ===

ตอนที่สี่   บทเรียนที่-3:  เพิ่มทรัพย์สิน – ทำธุรกิจของตนเอง

=== อุปสรรค์ทางการเงินส่วนหนึ่ง  มาจากการที่เรายอมทำงานเพื่อคนอื่นตลอดชีวิต  ===
=== ถ้าไม่เอารายได้มาซื้อทรัพย์สิน  คุณก็จะยังคงไม่มีความมั่นคงทางการเงินอยู่ต่อไป  ===
=== รากฐานของคนชั้นกลางคือไม่กล้าเสี่ยง  ทำให้ยึดติดอยู่กับเงินเดือนและงานที่ทำอย่างเหนียวแน่น  เพราะที่นั่นเขารู้สึกว่า ‘ปลอดภัย’  ===
=== หลายคนไม่เคยคิดถึงข้อแตกต่างระหว่าง ‘อาชีพ’  & ‘ธุรกิจ’  ===
=== คำถาม  ‘คุณทำธุรกิจอะไร’  ‘คุณทำอาชีพอะไร’  ===
=== ผมแนะนำให้คุณทำงานประจำไป แล้วค่อยๆ สร้างธุรกิจด้วยการลงทุนในทรัพย์สินที่สร้างรายได้  ทุกบาททุกสตางค์ที่ใส่ลงในช่องทรัพย์สินจงอย่าให้ไหลออกมา ให้เงินนั้นทำงานให้คุณ  ===
=== จงมุ่งมั่นทำงานประจำให้เต็มที่  พร้อมๆ กับสร้างช่องทรัพย์สินของคุณให้ใหญ่โตขึ้น  ===
=== คนรวยซื้อความสบายทีหลัง  แต่คนชั้นกลางมักซื้อความสบายก่อน  ===
=== คนรวยจะสร้างช่องทรัพย์สินให้ใหญ่โตพอที่จะสร้างรายได้กลับคืนมา  แล้วจึงนำรายได้นั้นไปซื้อความสะดวกสบายอีกที  ===

ตอนที่ห้า  บทเรียนที่-4:  ภาษี & ประโยชน์ของนิติบุคคล

=== บริษัทเสียภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าบุคคลธรรมดา  แล้วรายจ่ายบางอย่างได้รับการยกเว้นภาษีด้วย  ===
ทุกครั้งที่ผมจัดสัมมนาเพื่อถ่ายทอดความรู้ จะกล่าวถึงหลักสำคัญของไหวพริบทางการเงิน 4 อย่าง  ดังนี้
1. ความรู้ทางบัญชี  -  อ่านงบการเงินให้เป็น
2. ความรู้เกี่ยวกับการลงทุน  -  ศิลปะของการใช้เงินทำงาน
3. ความเข้าใจตลาด  -  อุปสงค์และอุปทานในตลาด
4. ความรู้เรื่องกฎหมาย
=== คนรวยที่มีบริษัท  มักทำดังนี้   1) รายได้   à   2) รายจ่าย   à   3) เสียภาษี  ===
=== ส่วนลูกจ้างของบริษัท  มักทำดังนี้   1) รายได้   à   2) เสียภาษี   à   3) รายจ่าย  ===

ตอนที่หก บทเรียนที่-5:  วิธีทำเงินของคนรวย

=== ในชีวิตจริง  คนกล้ามักจะประสบความสำเร็จ  ไม่ใช่คนที่มีแต่ความฉลาด  ===
=== ถ้าจะเก่งเรื่องเงิน  คุณต้องมีทั้งความรู้และความกล้า  ===
=== ถ้าคุณมีความรูเรื่องเงิน คุณก็มีโอกาสจะเจริญก้าวหน้าไปอีกไกล แต่ถ้าคุณไม่รู้  โลกนี้จะเป็นโลกที่น่ากลัวสำหรับคุณ  ===
=== เมื่อ 300 ปีก่อน เจ้าของที่ดินคือเจ้าของขุมทรัพย์ ต่อมาเปลี่ยนเป็นเจ้าของโรงงานและการผลิต  ในปัจจุบันเป็นยุคของการสื่อสารข้อมูลไร้พรมแดน  ใครมึขอมูลมากที่สุดและทันสมัยที่สุดคือเจ้าของขุมทรัพย์  ===
=== เงินเล็กน้อย  ย่อมกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ได้  ถ้าคุณมีไหวพริบทางการเงิน  ===

ไหวพริบทางการเงิน ประกอบด้วยทักษะ 4.ข้อใหญ่ๆ  ดังนี้
1] ความเข้าใจ & ความสามารถในการอ่านตัวเลข
2] กลยุทธ์ในการลงทุน  - ศิลปะในการใช้เงินทำงาน
3] การตลาด  - อุปสงค์ & อุปทาน
4] กฎหมาย & กฎเกณฑ์  - ความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบทางบัญชี

มีนักลงทุนอยู่ 2 ประเภท พวกแรกชอบลงทุนแบบตรงไปตรงมา  อีกพวกชอบพลิกแพลงสร้างสรรค์ กว่าจะเป็นนักลงทุนประเภทชอบสร้างสรรค์ได้ จะต้องหมั่นฝึกฝนนานวันด้วยทักษะต่างๆ ดังนี้
1> ทำอย่างไร  จึงจะมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น
2> ทำอย่างไร  จึงจะได้เงินมาทำทุนโดยไม่ต้องกู้ธนาคาร
3> ทำอย่างไร  จึงจะได้คนฉลาดมาเป็นลูกจ้าง

ตอนที่เจ็ด บทเรียนที่-6:  ทำงานเพื่อเรียนรู้  - อย่าทำงานเพื่อเงิน

=== ผมอยากแนะนำให้คุณทำงานเพื่อประสบการณ์ & การเรียนรู้ที่คุณจะได้รับ  มากกว่าเพื่อผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน  และให้มองไปข้างหน้าว่าคุณยังขาดทักษะด้านใด  แล้วเสาะแสวงหาเพิ่มเติม  ===
=== สำหรับคนที่ลังเลใจว่าจะออกแรงแสวงหาทักษะใหม่ๆ ดีหรือไม่  ผมอยากให้คิดถึงเวลาที่คุณไปออกกำลังกาย  ตอนที่ยากที่สุดคือการตัดสินใจว่า ‘จะไปดีหรือไม่’  ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้แล้ว ที่เหลือสบายมาก ระหว่างออกกำลังกายคุณจะรู้สึกมีความสุข  มีความภูมิใจในตัวเอง  และเมื่อออกกำลังกายเสร็จคุณจะรูสึกดีใจที่ได้ตัดสินใจถูกต้อง  ===
ตอนที่แปด  ฟันฝ่าอุปสรรค์
แม้ว่าจะมีความ รู้และไหวพริบทางการเงิน แต่บางคนก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ไม่สามารถทำให้ช่องทรัพย์สินโตขึ้นเพื่อเพิ่มกระแสเงินสดให้มากพอได้   สาเหตุส่วนใหญ่มาจาก
1) ความกลัว
2) ความคิดด้านลบ
3) ความขี้เกียจ
4) นิสัย
5) ความหยิ่งทะนงตน

สาเหตุข้อที่หนึ่ง: ต้องเอาชนะความกลัวว่าจะต้องเสียเงิน
=== ถ้ามีเงินน้อยแต่อยากรวย สิ่งที่คุณต้องทำคือ ‘โฟกัส’  ===

สาเหตุข้อที่สอง: ขจัดความคิดด้านลบ
=== ความกลัวโดยไม่มีเหตุผลทำให้เรากลายเป็นคนที่มองเห็นแต่ข้อเสีย  ===

สาเหตุข้อที่สาม: ความขี้เกียจ
=== พ่อรวยสอนให้พูดว่า ‘ทำอย่างไรจึงจะซื้อได้’  ห้ามพูดว่า ‘ไม่มีปัญญาซื้อ’  ===
=== คำว่า ‘ไม่มีปัญญา’ จะก่อให้เกิดความรู้สึกเศร้าหมอง
        คำว่า ‘ทำอย่างไร’ สร้างความกระตือรือร้น ความตื่นเต้น ต้องคิดเพื่อหาคำตอบ  ===
=== หากปราศจากกิเลศ ขาดความต้องการที่จะสร้างชีวิตให้ดีขึ้น  โลกจะพัฒนาได้อย่างไร  ===
=== คราวนี้เมื่อใดที่คุณพบว่าตนเองกำลังหลีกเลี่ยงสิ่งที่ควรกระทำก็ให้ถามตัว เองว่า ‘แล้วเราจะได้อะไรจากการกระทำ
        นี้บ้าง’ เติมความอยากลงไปสักนิด จะได้ขจัดเอาความขี้เกียจออกไปจากตัวคุณได้  ===

สาเหตุข้อที่สี่: อุปนิสัย
=== พ่อจน มักจ่ายเงินให้คนอื่นก่อน เหลือเท่าไรจึงให้ตัวเอง  ===
=== พ่อรวยสอนว่า ควรจ่ายให้ตัวเองก่อน ทีนี้ก็จะมีความกดดันที่จะต้องหาเงินมาจ่ายภาษีและเจ้าหนี้ทั้งหลายให้ได้    ความกดดันนี้จะทำให้คุณคิดหาแหล่งรายได้เพิ่มขึ้น  และทำทุกวิถีทางที่จะไม่ให้เจ้าหนี้มาโวยวายใส่หน้าคุณได้  ===
=== ถ้าจ่ายให้ตัวเองหลังสุด ไม่มีความกดดันก็จริง แต่จะไม่มีอะไรเหลือเลย  ===

สาเหตุข้อที่ห้า: ความหยิ่งทะนงตน
=== ความรู้ทำให้ได้เงิน  ความไม่รู้ทำให้เสียเงิน  ===
=== จงขวนขวายหาความรู้จากหนังสือ  หรือจากผู้มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆ  ===
ตอนที่เก้า  เริ่มต้นอย่างไรดี
บัญญัติ 10 ประการที่จะช่วยให้คุณมีพลัง
1] พลังใจ: เพื่อจะเอาชนะความจริงที่ขวางหน้า
=== หลายคนอยากรวย แต่เมื่อหันมามองความจริงเขากลับท้อแท้ และคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ เป็นลูกจ้างขยันทำงานไปวันๆ ดูจะง่ายกว่าเยอะ  ===
=== ถ้าพลังความอยากของคุณยังไม่แรงกล้าพอ  หนทางแห่งความเป็นจริงก็ยังอีกยาวไกล  ===
=== ถ้าคุณขาดพลัง  ขาดความมุ่งมั่น อะไรๆ ในชีวิตก็กลายเป็นเรื่องยากไปหมด  ===

2] เสรีภาพในการเลือก
=== เมื่อมีเงินอยู่ในมือ คุณมีสิทธิ์ที่จะเลือกอนาคตของคุณว่าจะเป็นคนรวย  ชั้นกลาง  หรือคนจน
นิสัยการใช้เงินสะท้อนให้เห็นตัวตนของเรา  คนจนใช้เงินอย่างไม่ฉลาด  ===
=== หลายครอบครัวสูญเสียทรัพย์สินเมื่อตกมาถึงรุ่นลูก  เพราะไม่เคยสอนให้ลูกหลานรู้จักวิธีดูแลรักษา  ===
=== คนจำนวนมากเลือกที่จะไม่รวย  ส่วนใหญ่คิดว่ากว่าจะรวยเป็นเรื่องยุ่งยากเกินไปสำหรับเขา
มักชอบพูดว่า  ‘ฉันไม่สนเรื่องเงินๆ ทองๆ หรอก’  ‘ไม่เห็นอยากรวยเลย’  ‘จะคิดให้ปวดหัวทำไม อายุยังน้อยแค่นี้’
‘ผมให้แฟนดูแลเรื่องเงิน ผมไม่ยุ่งหรอกครับ’  ===
=== คำพูดเหล่านั้นทำให้คุณสูญเสียประโยชน์ 2 อย่าง คือ เวลา & การเรียนรู้  ===
=== คุณมีสิทธิ์เลือกใช้เวลา ใช้เงิน และใช้สมองอย่างไรก็ได้  ===
=== ไม่มีเงิน ใช่ว่าคุณจะต้องหยุดการแสวงหาความรู้  ===
=== คนที่คิดว่าตนเองฉลาดแล้ว เก่งแล้ว มองอีกมุมหนึ่งคือคนที่ไม่กล้าเสี่ยง กลัวความผิดพลาด  ===
=== คนฉลาดที่แท้จริง มักชอบฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วยใจที่เปิดกว้าง พร้อมที่จะนำความคิดจากหลายๆ ด้านมาวิเคราะห์ประกอบเป็นความคิดใหม่ๆ ที่มีประโยชน์  ===

3] เลือกคบเพื่อนด้วยความระมัดระวัง
=== เพื่อนที่เป็นกลุ่มคนมีเงิน มักคุยแต่เรื่องเงินๆ ทองๆ  เรื่องการลงทุน  เรื่องเศรษฐกิจ  ===
=== ในกรณีที่คุณเล่นหุ้น บางครั้งก็จะมีข้อมูลวงในจากการพูดคุยกับเพื่อนกลุ่มนี้  ===
=== ในธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จ หลักสำคัญที่ต้องจำไว้คือคุณต้องมีความมั่นใจในตนเองโดยไม่โอนอ่อนผ่อนตาม เสียงข้างมาก กว่าจะเป็นข่าวหน้าหนึ่งคนอื่นก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไปจนหมดแล้ว  ===

4] สร้างสูตรและเรียนสูตรใหม่ๆ: ประโยชน์จากการเรีนยให้เร็วที่สุด
=== สูตรเดียวที่สอนเกี่ยวกับเรื่องเงินในโรงเรียน คือ ‘ทำงานเพื่อเงิน’  ===
=== ในสังคมปัจจุบัน ความได้เปรียบไม่ได้อยู่ที่คุณรู้อะไรแต่อยู่ที่คุณเรียนรู้สูตรใหม่ๆ ได้เร็วแค่ไหน  ===

5] ชำระหนี้ให้ตัวเองเป็นอันดับแรก: ประโยชน์จากการควบคุมตัวเอง
=== ถ้าคุณไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ คุณไม่มีวันรวย  ===
=== มี 3.ทักษะที่สำคัญสำหรับผู้ที่เริ่มทำธุรกิจของตนเอง  ดังนี้
                1) การบริหารกระแสเงินสด                 2) การบริหารบุคคลากร      3) การบริหารเวลา
=== นิสัยไม่ดีที่คนชั้นกลางชอบทำคือการแคะกระปุกแล้วเอาเงินออมมาชำระหนี้  ===
=== ถ้าอยากเป็นคนรวยต้องรู้ว่า เงินออมมีไว้เพื่อขยายช่องทรัพย์สิน ไม่ใช่มีไว้จ่ายหนี้  ===

6] เลี้ยงนายหน้าของคุณให้ดี: ประโยชน์จากคำแนะนำที่ดี
=== นายหน้าทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้คุณ คอยติดตามสถานการณ์เพื่อคุณจะได้มีเวลาไปตีกอล์ฟ  ===
=== เชื่อหรือไม่ว่าคนจำนวนมากให้ทิปพนักงานเสริฟอาหารร้อยละ 15~20 ทั้งๆ ที่บริการไม่ได้ประทับใจนักหนา
แต่กลับลังเลที่จะจ่ายค่านายหน้าเพียงร้อยละ 3~7  ===
=== ทำไมเราทิปคนในช่องรายจ่าย  มากกว่าคนในช่องทรัพย์สิน  ===

7] จงเป็นผู้ให้: ประโยชน์จากการได้เปล่า
=== นักลงทุนที่ฉลาดควรมองหาอะไรที่มากกว่าผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน นั่นคือทรัพย์สินที่ได้หลังจากได้เงินลงทุนครบถ้วนแล้ว นี่แหละคือไหวพริบทางการเงิน  ===

8] ทรัพย์สินซื้อความฟุ่มเฟือย: ประโยชน์จากการ ‘โฟกัส’
=== เริ่มสอนลูกหลานและคนที่คุณรักเรื่องไหวพริบทางการเงินเสียแต่เนิ่นๆ ถ้าขาดไหวพริบทางการเงิน เงินจะฉลาดกว่าคุณ เพราะคุณอาจต้องทำงานเพื่อเงินไปตลอดชีวิต  ===

9] ความจำเป็นต้องมีพระเอกในดวงใจ: ประโยชน์ของจินตนาการ
=== วิธีนี้ทำให้ผมมีพลังพิเศษ เหมือนแรงดลใจที่ทำให้รู้สึกว่าไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับเราคนอื่นทำได้เรา ก็ต้องทำได้  ===

10] สอนผู้อื่นแล้วคุณจะได้รับตอบแทน: อานิสงส์แห่งการให้
=== ผมต้องการมีเครือข่าย  ผมแนะนำให้คนโน้นรู้จักกับคนนี้  ในทีสุดผมก็มีเครือข่ายกับคนจำนวนมาก  ===
=== ไม่ว่าจะเป็นเงิน  ลูกค้า  ความรัก  ความสุข  ธุรกิจ  คุณต้องเริ่มต้นด้วยการให้ ถ้าไม่มีใครยิ้มให้ผม
  ผมก็จะยิ้มให้เขาก่อน  ===
ตอนที่สิบ ข้อควรทำ
บางคนคิดแต่ไม่ทำ บางคนชอบทำโดยไม่คิด คุณควรจะอยู่ตรงกลาง
1) หยุดทุกอย่างแล้วพิจารณาว่าอะไรทำไปแล้วได้ผล อะไรทำไปแล้วไม่ได้ผล
2) มองหาความคิดใหม่ๆ
3) หาคนที่มีประสบการณ์  หรือที่เคยลงทุนแบบที่คุณสนใจ
4) สมัครเข้าสัมมนา  อบรม  หรือเรียนพิเศษ
5) เสนอราคา เพิ่มทางถอยไว้ด้วย ‘ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหุ้นส่วน’
6) เดิน  วิ่งออกกำลัง  หรือขับรถยนตร์  ผ่านบางพื้นที่สักเดือนละครั้ง  เพื่อดูการเปลี่ยนแปลง
7) เรียนรู้เรื่องการเล่นหุ้น
8) ทำไมผู้บริโภคจึงไม่รวย
9) หาให้ถูกที่
10) ผมมองหาคนต้องการซื้อก่อน  แล้วจึงมองหาคนต้องการขาย
11) เรียนรู้จากประวัติศาสตร์
12) ลงมือทำได้แล้ว

 รู้จักธุรกิจเครือข่าย

ธุรกิจกิจเครือข่าย คืออะไร ทำไมคนจึงหลั่งไหลเข้าสู่ธุรกิจนี้อย่างมากมาย ?
รูปแบบการ ดำเนินธุรกิจใหม่ ๆ นั้นเกิดขึ้นมากมายในปัจจุบัน เพียงแต่ว่าคุณจะปฏิเสธ
หรือจะเรียนรู้ เมื่อพูดถึงการทำการค้า หลายคนนึกถึงว่าต้องใช้เงินทุนมาก, 
ต้องจ้างแรงงานจำนวนมาก, ต้องผลิตสินค้า, ต้องมีโรงงาน, ต้องมีทำเลหน้าร้าน ฯลฯ  
จึงจะทำให้พวกเราส่วนใหญ่ ไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองสักที
เพราะขาดเงินทุน ขาดคนมีฝีมือที่ไว้วางใจได้ ณ.วันนี้ธุรกิจที่ทุกคนมีสิทธิ์ทำให้ฝัน
ของตนเป็นจริงได้เกิดขึ้นแล้ว เราเรียกว่า “ธุรกิจเครือข่าย”


ธุรกิจเครือข่ายคืออะไร ?
ธุรกิจเครือข่าย เป็นระบบธุรกิจการตลาดรูปแบบใหม่ที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถ
ได้เป็นเจ้า ของธุรกิจที่สร้างรายได้จำนวนมาก โดยไม่ต้องมีความเสี่ยงและไม่ต้องลงทุนเงินเป็นจำนวนมากเหมือนกับการทำ ธุรกิจทั่วๆไป เพียงเริ่มต้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี และเมื่อเกิดความประทับใจในตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ก็ทำการแนะนำบอกต่อให้คนที่รู้จักได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีนั้นเหมือนกับตนเป็น การโฆษณาแบบปากต่อปาก เมื่อมีการซื้อผลิตภัณฑ์ใช้ตามคำบอกเล่าจากผู้แนะนำ ก็จะทำให้เกิดกระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการโฆษณาและพ่อค้าคนกลาง เหมือนกับการตลาดแบบเดิม ที่การเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคจะต้องผ่านระบบพ่อค้าคนกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับกำไรถึง 60% จากการจัดส่งสินค้ามาสู่ผู้บริโภค

เมื่อเกิดกระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง ทำให้บริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์สามารถประหยัดงบประมาณที่เป็นค่าโฆษณาได้มาก ซึ่งบริษัทจะนำงบค่าโฆษณาที่ประหยัดได้ไปใช้ทำการวิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้ดีขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้นอีก ส่วนผลกำไร 60% ของพ่อค้าคนกลางที่ถูกตัดออกมานั้น บริษัทจะนำเงินส่วนนี้มาจัดสรรให้กับผู้บริโภคที่ใช้ดีแล้วทำการบอกต่อกับ ผู้อื่นเป็นลำดับชั้นตามส่วนที่บริษัทกำหนดไว้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในระบบการตลาดแบบเครือข่ายนี้ จะทำให้ผู้บริโภคสามารถมีส่วนแบ่งของรายได้มากถึง 60% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์ จากระบบการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคแบบใหม่ นอกเหนือจากการที่จะต้องเป็นผู้จ่ายเงินซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียวในระบบ ธุรกิจแบบเดิม

โดยการตลาดแบบเครือข่ายผู้บริโภค ที่ใช้วิธีการแนะนำบอกต่อนี้จะมีลักษณะที่พิเศษกว่าการตลาดแบบทั่วๆไป คือ ความสามารถในการขยายตัวของจำนวนผู้บริโภคที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นได้แบบไม่จำกัด จำนวน โดยอาศัยเพียงการแนะนำผลิตภัณฑ์จากคน 1 คนแนะนำให้กับคน 2 – 3 คนและแต่ละคนของ 2 – 3 คนบอกต่อกับคน 2 – 3 คนต่อๆไป ก็จะเกิดการขยายตัวของจำนวนผู้บริโภค ในลักษณะพหุคูณเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด
โอกาสการเปลี่ยนแปลงชีวิตสู่การมีอิสรภาพทางการเงินและเวลา
หนังสือชุดพ่อรวยสอนลูก เล่มที่ 2 “Cashflow Quadrant” หรือ “เงินสี่ด้าน” ของ Robert T. Kiyosaki ได้กล่าวไว้ว่า คนในโลกแบ่งตามที่มาของรายได้ที่เขาได้รับออกเป็น 4 ด้านคือ

ด้านที่ 1 ) ลูกจ้าง ( Employee ) คือผู้ที่มีรายได้จากค่าจ้าง, เงินเดือน

ด้านที่ 2 ) ธุรกิจส่วนตัว ( Self – employed ), เจ้าของกิจการขนาดเล็ก ( Small Business owner ) คือผู้ที่มีรายได้จากการทำงานของตนเองหรือกิจการของตนเองโดยเจ้าของกิจการจะ ต้องเป็นผู้ลงมือทำหรือดูแลด้วยตนเอง

ด้านที่ 3 ) เจ้าของกิจการขนาดใหญ่ ( Business owner ) คือผู้ที่มีรายได้จากทรัพย์สินของตน, โดยใช้เวลาและแรงงานของผู้อื่นสร้างรายได้ให้กับตน

ด้านที่ 4 ) นักลงทุน ( Investor ) คือผู้ที่ใช้เงินทำงานแทนตนเอง เพื่อสร้างผลตอบแทนหรือรายได้ให้กับตนโดยไม่ต้องทำเอง

โอกาสที่ดีที่สุดอยู่ที่การตัดสินใจเลือกทางเดินของคุณ
ในทุก ๆเ ช้าของวันใหม่ที่เราตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเรายังต้องดำเนินชีวิตในรูปแบบที่ เหมือนๆกับทุกๆวันที่ผ่านมา คือต้องตื่นแต่เช้า ออกจากบ้าน ผจญกับปัญหาจราจร เพื่อไปให้ทันเข้างาน ตอกบัตรเข้าทำงาน แล้วก็ทำงานตามภาระรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมาย พบเจอกับความเครียดต่างๆในการทำงาน ตอนเย็นเลิกงาน ตอกบัตรออก ผจญกับปัญหาจราจรอีกครั้ง กลับถึงบ้าน แล้วก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย และเตรียมพบกับวันใหม่ที่ดำเนินชีวิตในรูปแบบเดิมๆ เป็นวงจรซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน เราเคยสังเกตบ้างหรือไม่เราทำสิ่งเหล่านี้เพื่ออะไร? เพื่อที่จะให้สามารถดำรงชีวิตผ่านไปได้วันๆหนึ่งเท่านั้นเองหรือ ? เราต้องการชีวิตที่เป็นแบบนี้จริงๆหรือ ? ผมเชื่อมั่นว่าคนเราทุกคนมีความฝัน อยากจะมีชีวิตที่ดีกว่าที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้อย่างแน่นอน แล้วทำไมไม่ลองหาทางที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณไปสู่รูปแบบของการใช้ชีวิตแบบ ใหม่ในแบบที่คุณอยากเป็น

มีสุภาษิตจีนบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “เดินทางร้อยลี้ต้องมีก้าวแรก” หากคุณต้องการเริ่มต้นสร้างความสำเร็จให้กับชีวิต ด้วยเส้นทางที่สามารถสร้างความฝันของคุณให้เป็นจริงได้ ภายในระยะเวลาที่ไม่ยาวนานเกินไป ธุรกิจเครือข่ายจะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดเส้นทางหนึ่ง ที่พร้อมจะเปิดโอกาสให้กับผู้ที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงเสมอ หลังจากนี้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ เมื่อคุณได้มีโอกาสอ่านเอกสารฉบับนี้แล้ว และต้องการจะใช้โอกาสที่ดีนี้เพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงินและเวลาให้กับตัว คุณเองและคนที่คุณรัก ผู้ที่แนะนำคุณให้อ่านเอกสารฉบับนี้พร้อมเสมอที่จะช่วยคุณสร้างความฝันให้ เป็นจริง เพียงคุณมีความเชื่อมั่นและเดินตามความเชื่อในหัวใจของคุณ ทุกสิ่งที่คุณปารถนาย่อมเป็นไปได้อย่างแน่นอน

จุดเด่นของธุรกิจเครือข่าย (Networking System)

1. คือ Win - Win Business (ธุรกิจที่ชนะชนะ ) เมื่อคนที่ท่านแนะนำธุรกิจ (ลูกทีมของท่าน) สำเร็จท่านในฐานะผู้แนะนำ.... จึงจะ.... สำเร็จด้วย

2. คือ No - Risk Business (ธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยง) ด้วยขนาดเงินลงทุนต่ำ แต่ใช้สัมพันธภาพสูง ใช้เวลาพอควร ท่านไม่ต้องลงทุนสร้างทรัพย์สิน อาคาร, อุปกรณ์, ที่ดิน (บนกองหนี้สิน)
แต่ท่าน.... กำลัง....สร้าง ทรัพย์สินคือ เครือข่ายประชากร (People Assets) ที่.... ผูกโยง กันด้วยสัมพันธภาพ
และ.... ได้ผลตอบแทนจากทรัพย์สินบนบันทึกข้อตกลง ผลประโยชน์ร่วมกัน!
และ.... ผลตอบแทนนี้ได้มาจาก ผลรวมของทั้งเครือข่าย
บางคน.... เรียกผลตอบแทนนี้ว่า Passive Income

(รายได้ที่ไม่ต้องลงแรงด้วยตนเอง แม้ว่าคุณจะหยุดทำงาน แต่รายได้ ของคุณยัง เกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดเวลา)

3. เป็นธุรกิจที่ท่านสามารถเลือกเวลาทำงานตามใจปรารถนา ไม่ต้องตอกบัตรเข้างาน 8.00 น. ไม่ต้องตอกบัตรออกงาน 17.00 น. ไม่ต้องยื่นใบลากิจ, ลาพักร้อนกับใคร นอกจากขออนุญาติตัวเอง! เป็นเจ้านายงานในเวลาของตนเอง (Time Freedom) นั่นคือ... มีอิสระภาพทางเวลา!

4. เป็นธุรกิจที่กำลังอยู่ในทิศทางใหม่ของโลก เพื่อให้ท่านได้มีเวลา อยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น (Home Based Business) เพราะ ธุรกิจนี้ทำบนโต๊ะอาหารภายในบ้านของท่าน และบ้านของคนใน เครือข่ายได้

5. เป็นระบบที่เสริมสร้างโอกาสให้ ได้ร่วมทำงานกับ คนหลากหลาย อาชีพ, หลากหลายประสบการณ์, หลากหลายวัฒนธรรม (Multi Experience - Multi Profession - Multi culture) บนความเท่าเทียมกัน ไม่มีใครเป็นเจ้านาย-ลูกน้องทุกคน คือ สมาชิกอิสระ (Distributor) ภายในระบบธุรกิจมีการ.... ถ่ายทอด.... องค์ความรู้ในวิชาชีพองค์ความรู้ในผลิตภัณฑ์.... จิตวิญญาณที่ปลุกพลังแห่งความสำเร็จ ลงไปเป็นชั้น ๆ ต่อ ๆ กัน ไม่รู้จบ

6. เป็นธุรกิจที่ต่อเชื่อมท่านเข้ากับธุรกิจ ข้ามชาติระดับโลกท่านไม่ต้องสร้างระบบใหม่ ด้วยตนเอง แต่ดำเนินตาม, ปฏิบัติตามแบบแผน ธุรกิจ (Business - format) ที่วางไว้อย่างดีเป็นแบบเดียวกันทั่วโลก (บางคนเรียกว่าเครือข่ายของแฟรนไชส์ ระดับเล็กๆ หรือระดับบุคคล มาผูกโยงเชื่อมกัน (Network of Micro or Personal Franchisee) แต่ไม่ต้องจ่ายค่ารอยัลตี้ (Royalty fee) ใดๆ เลย

7. เป็นระบบธุรกิจเดียวที่มีผลกำไรงอกเงย ขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง/วัน ตลอด 365 วัน/ปี แม้ท่านเองจะหยุดพักผ่อน, หยุดพักร้อน เพราะเวลาทำงานภายในเครือข่ายของท่าน อาจอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง ซึ่งกำลังทำงานอยู่ในขณะที่ท่านนอนหลับ  หรือกำลังทำงานอยู่ในขณะที่ท่านหยุดพักร้อน

8. เป็นระบบธุรกิจเดียวที่ผลงานแห่ง ความพากเพียร ของท่าน วันละ 2 ชั่วโมง สามารถทวีคูณไปเป็น วันละ 2,000 ชั่วโมง, 20,000 ชั่วโมง.... แปรผัน.... ตามความใหญ่โตของ เครือข่ายของท่าน
และ.... เมื่อท่านสามารถสร้างสินทรัพย์ (People Assets) เครือข่ายอย่างมีคุณภาพ ท่านก็สามารถทำงาน เต็มที่เพียง 3 - 5 ปี เพื่อรับบำนาญติดต่อกันไปตลอดชีวิต

หากท่านเป็นลูกจ้าง (Employee) มีรายได้จาก เงินเดือนเป็นหลัก ท่านอาจต้องทำงาน 35 ปี (60-25) เพื่อรอกินบำนาญเพียงเล็กน้อยต่อไป 5-15 ปี (หลังอายุ 60ปี) หากท่านเริ่มงานด้วยเงินเดือนเริ่มต้น เดือนละ 7,000 บาท และโชคดีเงินเดือนของท่านได้รับการปรับเพิ่มทุกๆ ปีๆ ละ 5-10% เมื่อทำงานติดต่อกันถึง 35 ปี.... ท่านจะได้รับเงินจากผลงานทั้งชีวิต (420 เดือน) รวมประมาณ 7 ล้านบาท แต่ท่านทราบไหม? ว่า เงิน 7 ล้านบาทนี้ ท่านอาจสร้างขึ้นได้จากธุรกิจระบบเครือข่าย (หากครบองค์ 5 : บริษัทมั่นคง, ผลิตภัณฑ์คุณภาพดี แผนธุรกิจดี, แนวโน้มเศรษฐกิจเอื้ออำนวย, อยู่ในเวลาและโอกาสอันเหมาะสม) ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี หรือไม่ถึง 5 ปี

วันเกษียณอายุของคุณ เพื่อรับบำนาญ หลังจากนี้ ไม่เกิน 5 ปี....


 

ทำไมต้องธุรกิจเครือข่าย ??

ธุรกิจเครือข่าย = เจ้าของกิจการ

ทำไมต้องเป็น เจ้าของกิจการ?
สรุปเงินสี่ด้าน -  จากหนังสือ พ่อรวย สอนลูก RichDad PoorDad
E S B I คุณเป็นคนประเภทไหน ??
E (Employee) - ลูกจ้าง
B (Business Owner) - เจ้าของธุรกิจ
- รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน
- รายได้ตามตำแหน่งงานที่ได้รับมอบหมาย
- นายจ้างเป็นผู้กำหนดวิถีชีวิต และเงินเดือนให้คุณ
- ขาดอิสรภาพ ต้องเซ็นต์ชื่อ ตอกบัตร
- ตกงานเท่ากับล้มละลาย
(ตกงาน 3 เดือน ไม่ต่างจากคนล้มละลาย)
- อยู่ในวงจรหนี้สิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ
- มีทุน
- หาคนเก่งๆ มาทำงานให้
- ไม่ทำก็มีรายได้
B มีหลายประเภท
- บริษัท
- แฟรนไซน์
- การตลาดแบบเครือข่าย
(เป็นช่องทางที่จะเป็นเจ้าของกิจการ ที่มีความเสี่ยงน้อย)
S (Self-employed) - ทำธุรกิจส่วนตัว
- ขายเวลาแลกกับเงิน
I (Investor) - นักลงทุน
- จ้างตัวเองทำงาน
- ชอบคิดเองทำเอง, ควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง
- ขาดประสบการณ์
- เจอคู่แข่งที่มีทุนหนากว่า
- อาจจะทนทำ เพราะชอบ อิสระ แต่ไม่มี อิสรภาพ
- ไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน
- มองผลตอบแทนจากการปันผล ดอกเบี้ย
- ซื้อกิจการมาปรับปรุง แล้วขายต่อ
ต่างกันอย่างไร???
คนฝั่งซ้าย
คนฝั่งขวา
มี ความกลัว เป็นตัวขับเคลื่อน
มี ความฝัน (ความใฝ่ฝัน) เป็นตัวขับเคลื่อน
ยึดติดกับงานประจำ
พยายามสร้างงาน
รายได้จำกัด
รายได้ไม่จำกัด
ไม่มีเป้าหมายในชีวิต
มีเป้าหมายชัดเจน
มองเห็นอุปสรรค
มองเห็นโอกาส
ไม่เข้าใจคำว่า ทรัพย์สิน หนี้สิน
เข้าใจคำว่าทรัพย์สิน - หนี้สิน
ทำงานเพื่อเงิน
ใช้เงินทำงาน
คิดถึงความเสี่ยง
คิดถึงความน่าเสี่ยง
ยึดติดกับสิ่งเก่า
เรียนรู้สิ่งใหม่
ไม่มีแผนงาน
มีแผนงานชัดเจน
ดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง
มีที่ปรึกษา
ชอบออกความเห็น
ชอบหาความจริง
ชอบมีเงินสดเยอะๆ
ชอบมี กระแสเงินสด สม่ำเสมอ
ชอบแสดงตัวว่าเก่ง
ชอบมองหาคนเก่ง
ชอบวิธีการ
ชอบวิธีคิด
ชอบการเฉลี่ย (ขจัดความเสี่ยง)
ชองการจดจ่อ (Focus)
ถูกระบบความคุม
ความคุมระบบ
เป็นส่วนหนึ่งของระบบ
เป็นเจ้าของระบบ
เรียนเพื่อประกาศนียบัตร
เรียนเพื่อหาความรู้
ทำงานเพื่อคนอื่น
สร้างงานเพื่อคนอื่น
อยากทำบุญแต่ไม่มีงบ
ทำบุญทุกครั้งที่มีโอกาส
แล้วคุณเลือกอยู่ฝั่งไหน ??????
robert kiyosaki
ผู้เขียน พ่อรวย สอนลูก (Rich Dad Poor Dad)

งานประจำ ไม่ทำให้ร่ำรวยได้ มีแต่หนี้ ถ้าต้องการความสำเร็จ ต้องเป็นเจ้าของธุรกิจ
  ธุรกิจมี 2 ประเภท คือ รวยแต่หยุดทำไม่ได้ กับรวยแล้วพักได้โดยรายได้ไม่หยุด
1. กิจการใหญ่ (ซีพี , AIS)
2. เจ้าของแฟรนไชส์ (แมคโดนัลด์ , 7-11)
3. ธุรกิจเครือข่าย
- การตลาดเครือข่าย เป็นเสมือนโรงเรียนสอนนักธุรกิจ ที่ช่วยให้คุณย้ายฝั่งได้ง่าย
ได้ผล และปลอดภัยที่สุด
- บริษัทเครือข่ายการตลาดที่ดีจะต้องมีระบบพัฒนาตัวคุณอย่างสมบูรณ์แบบ
(โดย สอนให้คุณเป็นนักธุรกิจ เพื่อเป็นเจ้าของธุรกิจ 
ไม่ใช่สอนให้คุณเป็นเซลส์แมนหรือเพียงทำให้คุณมีรายได้ไปวันๆ 
บนความมั่นคงที่ไม่แน่นอน)
คนที่รวยที่สุดในโลกล้วนแสวงหา การสร้างเครือข่าย ในขณะที่ผู้คน
ส่วนใหญ่กำลังหางานทำ หากคุณมีความคิดสร้างสรรอันยิ่งใหญ่
หรือสินค้าอันดีเยี่ยมปานใดก็ตาม มีเพียงหนทางเดียวที่จะนำท่านสู่ความสำเร็จ
คือ การใช้เครือข่ายการประชาสัมพันธ์ และเครือข่ายการ จัดจำหน่ายสินค้า
เหล่านั้นสู่มือผู้บริโภคอย่างได้ผล
ธุรกิจทั่วไป
ข้อเปรียบเทียบ
Agel Enterprises
สูง
เงินลงทุน
ต่ำ
สูง
ความเสี่ยง
ต่ำ
จำเป็นมาก
ความรู้ - ประสบการณ์
ไม่จำเป็น
จำเป็นมาก
ทำเล
ไม่จำเป็น
ทุ่มเทอย่างมาก
เวลา
อิสระ หรือ part-time ได้
ต้องลงทุนเพิ่ม
เมื่อขยายธุรกิจ
ไม่จำเป็น
มีขีดจำกัด
ศักยภาพทางรายได้
ไม่มีขีดจำกัด
เป็นไปได้ยาก
ขยายธุรกิจไปต่างประเทศ
ทำได้ทันที
ไม่มี
เป็นมรดกตกทอด
เป็นมรดกตกทอด
ไม่มี
รายได้แบบลิขสิทธิ์
มีรายได้แบบลิขสิทธิ์
ทำไมต้องเป็น ธุรกิจเครือข่าย ?
คำถาม 3 ข้อ ที่รู้ว่าคุณเหมาะกับธุรกิจนี้หรือไม่
ถ้าคุณตอบได้ หรือมีอะไรผุดขึ้นมาในใจเพื่อคำตอบนั้น ขอให้ลงมือทำอย่างจริงจัง
เพื่อสิ่งที่คุณคิดจะเป็นดังฝัน

คุณทำธุรกิจนี้เพื่อใคร ?
  • ตัวเอง และคนที่คุณรัก
  • ครอบครัว , ญาติพี่น้อง , เพื่อน
  • บุคคลทั่วไป ในสังคมที่ตนเองอยู่
  • คนพิการ คนชรา และผู้ด้อยโอกาสในสังคม
คุณทำธุรกิจนี้แล้วได้อะไร ?
  • รายได้ที่ต้องการ ( รถยนต์, บ้าน, ท่องเที่ยว )
  • มีธุรกิจเป็นของตนเอง ไม่ต้องเป็นลูกจ้าง
  • ได้เรียนรู้ และฝึกฝน ทักษะการพูด, การนำเสนอ, การเป็นผู้นำ
  • อิสรภาพทางเวลา อิสรภาพทางการเงิน
คุณทำธุรกิจนี้แล้ว จะมีความสุขหรือไม่ ?
  • สุขที่ได้สร้างหลักประกันให้กับครอบครัวและ คนที่คุณรัก
  • สุขที่ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
  • สุขที่ได้ใช้ความรู้ ความสามารถของตนเอง ช่วยเหลือผู้อื่น
  • สุขที่ได้เห็นคนอื่น หรือทีมงานมีความสุข
ความสำเร็จของผู้นำไม่ได้วัดที่รายได้ ว่ามากเท่าไร แต่วัดจากความสำเร็จ
ของทีมงานว่ามากเท่าไรต่างหาก
ศึกษา ธุรกิจ Agel ที่ คุณ ROBERT T. KIYOSAKI (โรเบิร์ต คิโยซากิ)
นักธุรกิจระดับโลกและผู้แต่งหนังสือพ่อรวยสอนลูก หรือ Rich Dad Poor Dad
แนะนำให้เข้าร่วม ถ้าคุณ...ต้องการทำธุรกิจเครือข่ายในปัจจุบัน