Thursday, January 19, 2012

Lao, Laos , Visit lao year2012 , KP , Herbs Laos , Herbs Asia , Herbs for your Health Tel : 85620 2222 8597 Kham Phat โรคเบาหวาน, รู้ทัน . . .มะเร็งปากมดลูก

ຂ່າວດີຂ່າວໃໝ່ ເພຶ່ອສຸຂະພາບ ສຳລັບທ່ານ
  ຫາກທ່ານມີບັນຫາສຸຂະພາບ ກວດແລ້ວບໍ່ພົບອາການ, ໄປຮັກສາຫລາຍບ່ອນແລ້ວ       ຍັງບໍ່ດີຂື້ນ ຫຼື ຫາກທ່ານມີອາການເຫຼົ່ານີ້: ສະໝຸນໄພ ໝໍເສັງ ອາດຈະຊ່ວຍທ່ານໄດ້ ເຊັ່ນ:
ສຳລັບທ່ານຍິງ: ເປັນລົງຂາວ,ໜາວໃນອົກ,ປະຈຳເດືອນມາບໍ່ປົກກະຕິ ປະຈຳເດຶອນມາໜ້ອຍ ມົດລູກຕ່ຳ ມົດລູກໃຫຍ່ ແລະ ຢ່ອນຍານ,ປວດທ້ອງນ້ອຍ,ປວດໜ່ວງ ແລະ ມີເຊຶ້ອລາໃນຊ່ອງຄອດ,ມີກິ່ນ,ມົດລູກບໍ່ສະອາດ, ມົດລູກບໍ່ແຂງແຮງ, ຜະໜັງມົດລູກແຫ້ງ, ບໍ່ມີນ້ຳຫຼໍ່ລຶ່ນ, ມົດລູກບາງ ເຈັບ ແສບ ຄັນບໍລິເວນທີ່ລັບສະເພາະ, ບໍ່ມີອາລົມທາງເພດ, ເຊັກເສຶ່ອມ, ໄວທອງ ໝົດປະຈຳເດືອນ ຮໍໂມນໜ້ອຍ, ຊ່ອງຄອດບໍ່ຟິດ ບໍ່ກະຊັບ, ໜ້າເອິກບໍ່ເຕັ່ງຕຶງ, ໜ້າທ້ອງແຕກລາຍຫຼັງຄອດລູກ ຮ່າງກາຍບໍ່ອົບອຸ່ນ, ບໍ່ໄດ້ຢູ່ໄຟຫຼັງເກີດລູກ, ມົດລູກບໍ່ເຂົ້າອູ່ ຂັບນ້ຳຄາວປາ, ຜິວຫຍາບ ຜິວແຫ້ງ ຜິວພັນບໍ່ມີນ້ຳມີນວນ, ສິວ, ກຣະ ຝ້າເລືອດ ຝ້າລົມ ຝ້າຈາກຢາຄຸມກຳເນີດ.
   ສຳລັບທ່ານຊາຍ ແລະ ທ່ານຍິງ: ຮ່າງກາຍບໍ່ແຂງແຮງ ອ່ອນເພຍ ເມຶ່ອຍງ່າຍ ແຂນຂາບໍ່ມີແຮງ ປວດເມຶ່ອຍ,  ເໜຶ່ອຍຊາ ໜ້າມຶດຕາລາຍ, ມຶນຫົວງ່າຍ ອ່ອນເພຍ, ເຈັບຫົວໄມເກຣນ,ໃຈສັ່ນ, ຫາຍໃຈບໍ່ເຕັມອິ່ມ, ວີນວຽນ, ນອນບໍ່ຫຼັບ, ປວດຂໍ້, ປວດເຂົ່າ, ນິ້ວລ໊ອກປວດ, ກະດູກເຣຶ້ອຣັງ, ກະດູກເສຶ່ອມ, ເສັ້ນຕຶງ,ອຳມະພຶກ, ອຳມະພາດ, ໂລກຊະລາ, ເບຶ່ອອາຫານ, ໂລກສະໝອງ, ພາກິນສັນ, ໂລກຫົວໃຈ, ຕັບ, ໄຕ, ປອດ ເສັ້ນເລຶອດຕີບ ຫຼອດເລຶອດຕັນ, ໄຂມັນອຸດຕັນໃນເສັ້ນເລຶອດ, ເລຶອດຈາງ, ຄວາມດັນ, ເບົາຫວານ, ນ້ຳຕານໃນເລຶອດ, ກົດຢູລິກ, ພູມແພ້, ໄຊນັດ, ໄທລອຍ, ສານພິດຕົກຄ້າງ, ຮ້ອນໃນ, ທາດບໍ່ດີ, ຄໍອັກເສບ, ປັດສະວະດຸ, ຢ່ຽວບໍ່ອອກ ບໍ່ພຸ່ງ, ຕ່ອມລູກໝາກໃຫຍ່, ແຜຫຼັງຜ່າຕັດ, ຝີໜອງ, ແຜ້ເຣື້ອຣັງ, ລິດສະດວງ, ສະເກັດເງິນ, ໂລກຜິວໜັງ, ຄັນໃນຮົ່ມຜ້າ, ສະມັດຖະພາບທາງເພດເສຶ່ອມ ນ້ຳອະສຸຈິໜ້ອຍ, ຈຸກສຽດແໜ້ນທ້ອງ ໂລກກະເພາະລຳໄສ້, ມີກິ່ນໂຕແຮງ,ເຈັບຫົວເມົາຄ້າງ 
 I MORSENG Herbal Tonic Juice No:02
Indications: use for balancing the body for all age and both sex.

1.    Aging people : suffering from Chronic Fatigue Syndrome [CFS].
2.    Hypotension, hyperventilation, vertigo, dizziness, fatigue, palpitation, panic, anxiety, stress, depression, coldness in hands and legs , too much gas in stomach, insomnia : Effective after drinking for 7 consecutive days.
3.    Brain problems : hypertension, trauma from accident , cerebral atherosis from aging, dizziness, motion sickness, fatigue in hands and legs, sleepy sickess : Effective after drinking for 3 -10 consecutive days.
4.    Both men and women : fatigue, lack of sleep headache bareness , body tension , body heat : Effective after drinking for 5 consecutive days.

TEL:85620 22228597 / 77555579 / 56999579






ສົນໃຈທຸລະກິດ ໝໍເສັງ ຄຣີກເບິ່ງ
ຮັບສະໝັກ ສະມາຊິກ, ຕົວແທນຈ່ຳໜ່າຍ ລາຍໄດ້ດີ
ໂທ:020 56999579 ; 22228597Mr KhamPhat



 ยาน้ำว่านชักมดลูก สูตร 1
ผสมสมุนไพรกว่า 99 ชนิด

บำรุงร่างกายด้วยว่านชักมดลูก จะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว บรรเทาอาการ ปวดแสบปวดร้อนในช่องคลอด ช่วยขับน้ำคาวปลา แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ผิวพรรณชุ่มชื้น มีน้ำมีนวล
และที่เคยมีความดันต่ำ เลือดน้อย อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เวียนศรีษะ ใจสั่น ใจหวิว จะเป็นลม มือ-เท้า เย็นชา นอนไม่หลับ อาการเหล่านี้จะมีผลพลอยได้ทำให้หายไปยาน้ำว่านชักมดลูก สูตร1 เป็น ยาบำรุงจากภายในของสตรี ทำให้มีอารมณ์ทางเพศสมบูรณ์ ดับกลิ่นปาก กลิ่นตัวกลิ่นภายในช่องคลอด ช่วยให้ผิวพรรณ ใบหน้า ขาวนวล และมีเลือดฝาด ช่วยเสริมสร้างทรวงอกให้เต่งตึง กระชับ ไม่หย่อนยาน ช่วยลดอาการปวดอย่างรุนแรง ช่วยรักษาอาการปวดหน่วง เสียวมดลูก เจ็บท้องน้อยได้ดี มีผลในการลดหน้าท้องที่หย่อนยาน จากการคลอดบุตร ใช้แทนการอยู่ไฟหลังคลอดบุตร และเสริมสร้างน้ำนมแม่ ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ลดอาการมือ-เท้าเย็น หนาวในอกขนาด 750 cc
ราคาปกติ 3,200ราคาสมาชิก 2,700
ยาน้ำว่านชักมดลูกสูตร 2
(สมุนไพร 42 ชนิด)

บำรุง ร่างกายด้วยว่านชักมดลูกจะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว บรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนในช่องคลอด ช่วยขับน้ำคาวปลา แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ผิวพรรณชุ่มชื่น มีน้ำมีนวล เป็นยาบำรุงจากภายในของสตรี ทำให้มีอารมณ์ทางเพศสมบูรณ์ ดับกลิ่นปาก กลิ่นตัว กลิ่นภายในช่องคลอด ช่วยให้ผิวพรรณใบหน้าขาวนวล และมีเลือดฝาด ช่วยเสริมสร้างทรวงอกให้เต่งตึง กระชับ ไม่เหี่ยวย่น หย่อนยาน ช่วยลดอาการปวดหน่วงอย่างรุนแรง ช่วยรักษาอาการเสียวมดลูก ลดหน้าท้องหดตัวเล็กลง ใช้แทนการอยู่ไฟหลังคลอดบุตร และช่วยเสริมสร้างน้ำนมของคุณแม่ ช่วยให้ความอบอุ่นกับร่างกาย ลดอาการมือ-เท้าเย็น และหนาวในอกขนาด 750ccราคาปกติ 2,500ราคาสมาชิก 2,150

ยาบำรุงร่างกายเบอร์2 (กล่องเหลือง)
ผสมสมุนไพรกว่า 38 ชนิด
เป็นยาบำรุงร่างกายเพื่อให้เกิดความสมดุลของร่างกาย ทานได้ทุกเพศทุกวัย คนสูงอายุ ที่ ร่างกายอ่อนแอ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย แขนขาไม่มีแรง จิตใจห่อเหี่ยว ซึมเศร้า หน้าตาซูบซีด เป็นยาบำรุงธาตุทั้ง 4 สร้างภูมิคุ้มกันโรค สตรีที่มีความดันต่ำ มี อาการมึนหัว หน้ามือ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายอึดอัดหน้าอก หายใจไม่เต็มอิ่ม ใจสั่น ตกใจง่าย เครียดง่าย จิตใจ ห่อเหี่ยวซึมเศร้า มือ-เท้าเย็นชา มีลมในกระเพาะอาหารนอนหลับยาก เมื่อทานยาบำรุงร่างกายติดต่อกันเรื่อยๆ จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาการทางสมองที่เกิดจาก ความดัน อุบัติเหตุ หลอดเลือดในสมองตีบหรือเพราะความชราจน เกิดอาการเดินโครง เดินเซ เดินช้าพูดช้า แขนขาไม่มีแรง หน้าตาซีด รอยยิ้มไม่สดชื่น จะสังเกตุได้จากเวลามีความเศร้าแฝงอยู่ ง่วงนอนเป็นประจำ เมื่อทานบำรุงติดต่อกัน จะมีอาการแข็งแรงสดชื่นขึ้น หญิงหรือชายที่ มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายเวลานอน หรือนอนไม่เพียงพอจะเกิดอาการเหมือนคนไม่มีกำลัง มืนงง ปวดหัวเบื่อหน่าย เมื่อยตึงตามร่างกาย ร้อนในง่าย เมื่อทานยาบำรุง อาการเหล่านี้จะดีขึ้น คนที่ผอมแห้งแรงน้อย ก็ทานได้ ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นขนาด 750cc.ราคาปกติ 2,500ราคาสมาชิก 2,150


ยาน้ำบำรุงร่างกายกล่องแดง
มีฤทธิ์แรงกว่ายาบำรุงร่างกายสูตร (2) กล่องสีเหลืองกว่า 7 เท่า
สรรพคุณเด่น
-
ดื่มแล้วผิวพรรณสวยงาม มีน้ำมีนวล ผิวละเอียดมากขี้น
-
เป็น ยาเสริมสร้างสมองให้แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ สมองฟ่อ อัลไซเมอร์ พากินสัน หรือสมองมีอาการมึนงง สมองสั่งงานช้า
-
ช่วยรักษาอาการเดินช้าลง เดินโครง เดินเซเหมือนคนไม่มีกำลัง แขน ขา ไม่มีแรง เนื่องจากอายุที่มากขึ้น
-
ยา บำรุงร่างกายกล่องแดง เป็นยาที่ทุกเพศทุกวัยดื่มได้ ใครก็ตามที่มีร่างกายทรุดโทรม อ่อนเพลียมาก ๆ ไม่ว่าท่านจะรักษาอย่างไร อาการก็ไม่แข็งแรงขึ้น หากท่านใช้ยาบำรุงร่างกายกล่องแดง เพียง 1 สัปดาห์ จะสังเกตุเห็นว่าร่างกายจะแข็งแรงขึ้นดีมากขนาด 750 cc.ราคาปกติ 4,500ราคาสมาชิก 3,700


ยาน้ำกระชายดำตราหมอเส็ง
เข้มข้นด้วยสมุนไพรหว่า 61 ชนิด ช่วยให้อารมณ์ทางเพศของผู้ชายสมบูรณ์ขึ้น มีปริมาณน้ำเชื้อมากขึ้น ความเป็นชายแข็งตัวและทนทานมากขึ้น และยังช่วยบำรุงร่างกายแก้อาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อย เหน็บชา ปวดหลัง ปวดคอ หัวเข่า ช่วยบำบัดอาการของโรคเก๊าต์รูมาติซั่ม รูมาตอยล์เรื้อรัง บำบัดอาการโลหิตจาง มึนศรีษะ หน้ามือ เป็นลมบ่อยสรรพคุณเด่น
-
ช่วยบำรุงร่างกาย แก้อาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หายใจไม่เต็มอิ่ม
-
ช่วยแก้อาการปวดเมื่อย ปวดหลัง ปวดเอว ปวดหัวเข่า
-
ช่วยบำบัดอาการโรคเก๊าต์ รูมาติซั่ม รูมาตอยล์เรื้อรัง
-
ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำเชื้อท่านชายให้มีมาก และแข็งแรงขึ้น
-
ช่วยให้อารมณ์ทางเพศของชายที่ไม่สมบูรณ์มีความสมบูรณ์ขึ้น
-
ช่วยบำบัดคนที่โลหิตจาง มีอาการมึนศรีษะ
-
ช่วยบรรเทาอาการเหน็บชา และต่อมลูกหมากโตขนาด 750ccราคาปกติ 2,000ราคาสมาชิก 1,750



ยาสตรี เบอร์ 2 (ผสมว่านชักมดลูก)มีส่วนผสมของสมุนไพรกว่า 109 ชนิด
เป็น ยาน้ำที่เอาสรรพคุณบางอย่างของว่านชักมดลูก มารวมกับยาบำรุงร่างกายมาไว้ในขวดเดียวกัน ทำให้ยาสตรี เบอร์ 2 เป็นยาน้ำที่ให้สรรพคุณ ของยาบำรุงร่างกายและว่านชักมดลูกในเวลาเดียวกัน เหมาะสำหรับวัยทอง ผู้ที่หมดฮอร์โมน เลือดน้อย
สรรพคุณเด่น
-
ช่วยบำรุงจากภภายในของสตรี
-
ทำให้มีอารมณ์ทางเพศสมบูรณ์
-
ดับกลิ่นปาก กลิ่นตัวภายในช่องคลอด
-
ช่วยให้ผิวพรรณ ใบหน้า ขาวนวล และมีเลือดฝาด
-
ช่วยเสริมสร้างทรวงอกให้เต่งตึง กระชับ ไม่หย่อนยาน
-
ช่วยรักษาอาการปวดหน่วง เสียวมดลูก เจ็บท้องน้อยได้ดี
-
ใช้แทนการอยู่ไฟหลังคลอดบุตร และเสริมสร้างน้ำนมแม่
ขนาด 750 cc.
ราคาปกติ 2,500ราคาสมาชิก 1,850


ยาบำรุงกำลัง เบอร์ 2 (ชนิดแคปซูล)
ยาเผาพลาญไขมัน เป็นยาธาตุไฟ เป็นยาที่มีความร้อนสูง
มีหน้าที่เผา พลาญอาหาร เผาพลาญไขมันส่วเกิน เผาพลาญเชื่อโรค และสิ่งเป็นพิษต่างๆ และให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย มีฤทธิ์เป็นยาระบายเล็กน้อย เพราะฉะนั้นเมื่อรับประทานแล้ว เวลาถ่ายปกติจะมีไขมันถูกละลายด้วยยาบำรุงกำลังเบอร์ 2 ปนออกมากับของเสียที่ถ่ายออกมาด้วยเมื่อกินทุกวัน จากการที่ถ่ายของเสียออกมาเรื่อยๆ จึงทำให้ไขมันหน้าท้อง ไขมันที่หน้าขา ไขมันตามตัวจะค่อยๆลดลง น้ำหนักตัวก็จะลดลงด้วย เปรียบเสมือนผู้ใช้ดูแล้วจะตัวเล็กและผอมลง เปรียบได้เป็นยาละลายไขมัน และลดน้ำหนัก แต่เป็นยาที่ทานแล้วไม่มีผลข้างเคียง ไม่ทำให้ท้องเสีย ไม่ทำให้อ่อนเพลีย ไม่ทำให้ใจสั่น หน้ามืด ตาลาย ปวดหัว เครียด หรือนอนไม่หลับขนาด 100 cap
ราคาปกติ 2,000ราคาสมาชิก 1,750


ว่านชักมดลูก สูตร 1 (99) ชนิดแคปซูล
มีสรรพคุณคล้ายว่านชักมดลูก สูตร1 ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว บรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนในช่องคลอด ช่วยขับน้ำคาวปลา แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ผิวพรรณชุ่มชื่น มีน้ำมีนวล บำรุงโลหิต ใช้แทนการอยู่ไฟ ร่างกายกระชับ ดับกลิ่นภายในช่องคลอด เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบรับประทานยาน้ำ พกพาได้สะดวกขนาด 100CAPราคาปกติ 3,200ราคาสมาชิก 2,900


ยาว่านชักมดลูก เบอร์ 2 ชนิดแคปซูล(สมุนไพรหน้าขาว)สรรพคุณเด่น
-
ช่วยปรับสภาพผิวที่หมองคล้ำ เหี่ยวย่น ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวดำที่เกิดจากฝ้าแดด ฝ้าลม ฝ้าเลือด ฝ้าที่เกิดจากยาคุมให้ขาวนวลขึ้น
-
ช่วยลบรอยเหี่ยวย่นให้กระชับ เนียนละเอียดขึ้น มีน้ำมีนวลขึ้น
-
ช่วยกระชับกล้ามเนื้อเสริมหน้าอกให้เต่งตึงเป็นยาที่รักษาจากภายในสู่ภายนอกว่านชักมดลูก เบอร์ 2 ชนิดแคปซูล หรือ ยาหน้าขาว มีส่วนผสมพิเศษ จากดอกของว่านชักมดลูก ซึ่งต้นหนึ่งๆ จะมีดอกแค่หนึ่งดอกเท่านั้นข้อสำคัญเมื่อผิวเริ่มดีขึ้นไม่ควรหยุดกินยาจนกว่าผิวที่ด่างดำจะหายไป ขนาด 100 CAP
ราคาปกติ 2,200ราคาสมาชิก 1,950



ขมิ้นชันตราหมอเส็ง ( ชนิดแคปซูล )ขมิ้น ชันตราหมอเส็งใช้ขมิ้นชันประกอบกับสมุนไพรหลายชนิด เป็นสูตรพิเศษ มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้อง หรือปวดท้อง ช่วยย่อยอาหาร และมีสรรพคุณพิเศษที่ช่วยขับสารพิษต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นสารพิษที่เกิดจากอาหาร หรือสารพิษ จากยารักษาโรคที่เรากินเข้าไปทุกวัน แล้วตกค้างอยู่ในร่างกาย ยาขมิ้นชันตราหมอเส็ง ช่วยกำจัดกลิ่นเหล้าและบุหรี่ที่คนเรากินหรือสูบเข้าไป และยังช่วยกำจัดกลิ่นปาก กลิ่นน้ำลาย กลิ่นลมหายใจ
-
กลิ่นจมูกที่เกิดจากไซนัส จะหายไป หรือน้อยลง
-
กลิ่นตัว กลิ่นเท้า ที่เกิดจากการใส่รองเท้า จะหมดไป
-
กลิ่นที่อับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นช่องคลอด กลิ่นอับชื้นตามซอกแขน ซอกขา จะหายไป
-
กลิ่นสาบของคนสูงอายุ หรือกลิ่นเหม็นเปรี้ยวของคนเราจะหมดไปขนาด 100 cap
ราคาปกติ 2,000ราคาสมาชิก 1,750




กาแฟผสมสมุนไพรตราหมอเส็ง (ชนิดซอง)กาแฟ ผสมสมุนไพรตราหมอเส็งมีสรรพคุณจากสมุนไพรที่ผสมเข้าไป ซึ่งช่วยกำจัดกลิ่นที่ไม่สะอาด เช่น กลิ่นปาก กลิ่นลมหายใจ , กลิ่นตัว , กลิ่นใต้ร่มผ้า , และกลิ่นเท้า กาแฟสมุนไพรตราหมอเส็งยังช่วยให้ร่างกายสดชื่น แข็งแรงไม่อ่อนเพลีย ไม่ง่วงนอน ไม่มึนหัว
สูตร 1 ผสมยาบำรุงร่างกาย ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงสดชื่น ไม่เหนื่อย ไม่เพลีย ไม่ง่วง
สูตร 2 ผสมขมิ้นชัน ช่วยให้ผิวพรรณมีน้ำมีนวล ผิวละเอียดสวยขึ้น ช่วยกำจัดกลิ่นไม่สะอาดให้หายไป
*
กาแฟตราหมอเส็ง คนเป็นโรคเบาหวานก็ทานได้เพราะใช้สารให้ความหวานจากทางวิทยาศาสตร์ ไม่เป็นโทษกับคนที่เป็นโรคเบาหวานขนาด 25 ซอง
ราคาปกติ 650ราคาสมาชิก 550ขนาด 12 ซอง
ราคาปกติ 380ราคาสมาชิก 300
ສົນໃຈທຸລະກິດ ໝໍເສັງ ຄຣີກເບິ່ງ
ຮັບສະໝັກ ສະມາຊິກ, ຕົວແທນຈ່ຳໜ່າຍ ລາຍໄດ້ດີ
ໂທ:020 56999579 ; 22228597Mr KhamPhat

โรคเบาหวาน อาหารสำหรับโรคเบาหวาน

เบาหวาน
        โรคเบาหวาน ถือเป็นปัญหาสุขภาพยอดฮิตที่เรามักจะได้ยินกันอยู่บ่อยๆ เนื่องจากคนไทยป่วยด้วย โรคเบาหวาน นี้มากถึง 2-3 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย โรคเบาหวาน จัดอยู่ในอันดับที่ 5 ของโรคที่คุกคามคนไทย พบได้ในทุกช่วงวัย อย่างไรก็ตาม มีคนอีกจำนวนมากที่ป่วยด้วย โรคเบาหวาน แต่ไม่รู้ตัว ทำให้ละเลยการดูแลสุขภาพอย่างถูกวิธี ซึ่งนั่นหมายความว่าผู้ป่วยได้ปล่อยให้โรคลุกลามจนอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน ที่รุนแรงได้  ดังนั้น วันนี้ลองมาสำรวจดูว่าคุณอยู่ในข่ายเสี่ยง โรคเบาหวาน หรือไม่ พร้อมๆ กับทำความเข้าใจ โรคเบาหวาน นี้อย่างถูกต้องกันค่ะ

        โรคเบาหวาน (Diabetes Millitus) เกิดจากตับอ่อนสร้าง "ฮอร์โมนอินซูลิน" (Insulin) ได้น้อย หรือไม่ได้เลย ฮอร์โมนชนิดนี้มีหน้าที่คอยช่วยให้ร่างกายเผาผลาญน้ำตาลมาใช้เป็นพลังงาน เมื่ออินซูลินในร่างกายไม่พอ น้ำตาลก็ไม่ถูกนำไปใช้ ทำให้เกิดการคั่งของน้ำตาลในเลือดและอวัยวะต่างๆ เมื่อน้ำตาลคั่งในเลือดมากๆ ก็จะถูกไตกรองออกมาในปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะหวานหรือมีมดขึ้นได้ จึงเรียกว่า "เบาหวาน" นั่นเอง
        ทั้ง นี้ โรคเบาหวาน เป็นโรคเรื้อรังที่ไม่หายขาด และเป็นโรคทางพันธุกรรม โดยพ่อแม่ที่เป็นเบาหวานมีโอกาสถ่ายทอดไปยังลูกหลานได้ นอกจากพันธุกรรมแล้ว สิ่งแวดล้อม วิธีการดำเนินชีวิต การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย ก็มีส่วนสำคัญต่อการเกิดเบาหวานด้วย เช่น อ้วนเกินไป (หรือกินหวานมากๆ จนอ้วน ก็อาจเป็นเบาหวานได้) มีลูกดก หรือเกิดจากการใช้ยา เช่น สเตอรอยด์ ยาขับปัสสาวะ, ยาเม็ดคุมกำเนิด หรืออาจพบร่วมกับโรคอื่นๆ เช่น ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง, มะเร็งของตับอ่อน, ตับแข็งระยะสุดท้าย เป็นต้น
        ลักษณะ โดยทั่วไปของผู้ป่วย โรคเบาหวาน จะมีอาการปัสสาวะบ่อยและมาก เนื่องจากน้ำตาลที่ออกมาทางไตจะดึงเอาน้ำจากเลือดออกมาด้วย จึงทำให้มีปัสสาวะมากกว่าปกติ เมื่อถ่ายปัสสาวะมาก ก็ทำให้รู้สึกกระหายน้ำ ต้องคอยดื่มน้ำบ่อยๆ และด้วยความที่ผู้ป่วยไม่สามารถนำน้ำตาลมาเผาผลาญเป็นพลังงาน จึงหันมาเผาผลาญกล้ามเนื้อและไขมันแทน ทำให้ร่างกายผ่ายผอม ไม่มีไขมัน กล้ามเนื้อฝ่อลีบ อ่อนเปลี้ย เพลียแรง นอกจากนี้ การมีน้ำตาลคั่งอยู่ในอวัยวะต่างๆ จึงทำให้อวัยวะต่างๆ เกิดความผิดปกติ และนำมาซึ่งภาวะแทรกซ้อนมากมาย

ประเภทของ โรคเบาหวาน
        โรคเบาหวาน สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ ซึ่งทั้ง 2 ชนิดนี้มีอาการ สาเหตุ ความรุนแรง และการรักษาต่างกัน ได้แก่
        1. โรคเบาหวาน ชนิดพึ่งอินซูลิน (Insulin-dependent diabetes) เป็นชนิดที่พบได้น้อย แต่มีความรุนแรงและอันตรายสูง มักพบในเด็กและคนอายุต่ำกว่า 25 ปี แต่ก็อาจพบในคนสูงอายุได้บ้าง ตับอ่อนของผู้ป่วยชนิดนี้จะสร้างอินซูลินไม่ได้เลยหรือได้น้อยมาก เชื่อว่าร่างกายมีการสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นต่อต้านตับอ่อนของตัวเอง จนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ ดังที่เรียกว่า "โรคภูมิแพ้ต่อตัวเอง" (autoimmune) ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ร่วมกับการติดเชื้อหรือการได้รับสารพิษจากภายนอก
        ดัง นั้น ผู้ป่วย โรคเบาหวาน จึงจำเป็นต้องพึ่งพาการฉีดอินซูลินเข้าทดแทนในร่างกายทุกวัน จึงจะสามารถเผาผลาญน้ำตาลได้เป็นปกติ มิเช่นนั้น ร่างกายจะเผาผลาญไขมันจนทำให้ผ่ายผอมอย่างรวดเร็ว และถ้าเป็นุรนแรง จะมีการคั่งของสารคีโตน (Ketones) ของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญไขมัน ซึ่งสารนี้จะเป็นพิษต่อระบบประสาท ทำให้ผู้ป่วยหมดสติและทำให้เสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว เรียกว่า "ภาวะคั่งสารคีโตน" หรือ "คีโตซิส" (Ketosis)
        2. โรคเบาหวาน ชนิดไม่พึ่งอินซูลิน (Non-insulin dependent diabetes) เป็น เบาหวานชนิดที่พบเห็นกันเป็นส่วนใหญ่ มีความุรนแรงน้อย มักพบในคนอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป แต่ก็อาจพบในเด็กหรือวัยหนุ่มสาวได้บ้าง โดยตับอ่อนของผู้ป่วยชนิดนี้ยังสามารถสร้างอินซูลินได้ แต่ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย จึงทำให้มีน้ำตาลที่เหลือใช้กลายเป็นเบาหวานได้ บางครั้งถ้าระดับน้ำตาลสูงมาก ๆ ก็อาจต้องใช้อินซูลินฉีดเป็นครั้งคราว แต่ไม่ต้องใช้อินซูลินตลอดไป และผู้ป่วยมักไม่เกิดภาวะคีโตซิส เหมือนกับชนิดพึ่งอินซูลิน

อาการ โรคเบาหวาน 
        ผู้ ป่วยจะมีอาการปัสสาวะบ่อย (และออกครั้งละมากๆ ) กระหายน้ำ ดื่มน้ำบ่อย หิวบ่อย หรือกินข้าวจุ อ่อนเพลีย บางคนอาจสังเกตว่าปัสสาวะมีมดขึ้น

        หาก เป็นเบาหวานชนิดพึ่งอินซูลิน อาการต่างๆ มักเกิดขึ้นรวดเร็วร่วมกับน้ำหนักตัวที่ลดลงฮวบฮาบ ในช่วงระยะเวลาเพียงสัปดาห์หรือหนึ่งเดือน โดยในเด็กบางคนอาจมีอาการปัสสาวะรดที่นอนตอนกลางคืน
        สำหรับ คนที่เป็นเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน อาการมักค่อยเป็นค่อยไป แบบเรื้อรัง ผู้ป่วยมักมีรูปร่างอ้วน หญิงบางคนอาจมาหาหมอด้วยอาการคันตามช่องคลอดหรือตกขาว ในรายที่เป็นไม่มาก อาจไม่มีอาการผิดปกติอย่างชัดเจน และตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจปัสสาวะหรือตรวจเลือดขณะที่ไปหาหมอด้วยโรค อื่น
        บางคนมีอาการคันตามตัว เป็นฝีบ่อย หรือเป็นแผลเรื้อรังรักษาหายยาก

        ผู้หญิงบางคนอาจคลอดทารกที่มีน้ำหนักมากกว่าธรรมดา หรืออาจเป็นโรคครรภ์เป็นพิษ หรือคลอดทารกที่เสียชีวิตแล้วโดยไม่ทราบสาเหตุ
        ใน รายที่เป็นมานานโดยไม่ได้รับการรักษา อาจมาหาหมอด้วยภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ชาหรือปวดแสบปวดร้อนตามปลายมือปลายเท้า ตามัวลงทุกที หรือต้องเปลี่ยนแว่นสายตาบ่อยๆ ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
อาการแทรกซ้อนของผู้ป่วย โรคเบาหวาน มีอะไรบ้าง
        อาการ แทรกซ้อนต่างๆ มักจะเกิดเมื่อเป็นเบาหวานมานาน โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างจริงจัง หรือปล่อยปละละเลย ทั้งนี้ โรคแทรกซ้อนที่อาจพบได้ เช่น

        1. ตา อาจเป็นต้อกระจกก่อนวัย ประสาทตาหรือจอตา (retina) เสื่อม หรือเลือดออกในน้ำวุ้นลูกตา (vitreous hemorrhage) ทำให้มีอาการตามัวลงเรื่อยๆ หรือมองเห็นจุดดำลอยไปลอยมา และอาจทำให้ตาบอดในที่สุด
        2. ระบบประสาท ผู้ ป่วยอาจเป็นปลายประสาทอักเสบ มีอาการชาหรือปวดร้อนตามปลายมือปลายเท้า ซึ่งอาจทำให้มีแผลเกิดขึ้นที่เท้าได้ง่าย (อาจลุกลามจนเท้าเน่า) บางคนอาจมีอาการวิงเวียนเนื่องจากมีภาวะความดันตกในท่ายืน บางคนอาจไม่มีความรู้สึกทางเพศ ท้องเดินตอนกลางคืนบ่อย หรือกระเพาะปัสสาวะไม่ทำงาน (กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือไม่มีแรงเบ่งปัสสาวะ)
        3. ไต มักจะเสื่อม จนเกิดภาวะไตวาย มีอาการ บวม ซีด ความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุการตายของผู้ป่วยเบาหวานที่พบได้ค่อนข้างบ่อย
        4. ผนังหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง , อัมพาต , โรคหัวใจขาดเลือด ถ้าหลอดเลือดที่เท้าตีบแข็ง เลือดไปเลี้ยงเท้าไม่พอ อาจทำให้เท้าเย็นเป็นตะคริว หรือปวดขณะเดินมากๆ หรืออาจทำให้เป็นแผลหายยาก หรือเท้าเน่า (ซึ่งอาจเกิดร่วมกับการติดเชื้อ)
        5. เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากภูมิต้านทานโรคต่ำ เช่น วัณโรคปอด, กระเพาะปัสสาวะอักเสบ, กรวยไตอักเสบ, ช่องคลอดอักเสบ, เป็นฝีพุพองบ่อย, เท้าเป็นแผลซึ่งอาจลุกลามจนเท้าเน่า (อาจต้องตัดนิ้วหรือตัดขา) เป็นต้น
        6. ภาวะคีโตซิส (Ketosis) พบเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานชนิดพึ่งอินซูลิน ที่ขาดการฉีดอินซูลินนานๆ ร่างกายจะมีการคั่งของสารคีโตน ซึ่งเกิดจากการเผาผลาญไขมัน ผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน กระหายน้ำอย่างมาก หายใจหอบลึก และลมหายใจมีกลิ่นหอม มีไข้ กระวนกระวาย มีภาวะขาดน้ำรุนแรง (ตาโบ๋ หนังเหี่ยว ความดันต่ำ ชีพจรเบาเร็ว) อาจมีอาการปวดท้อง ท้องเดิน ผู้ป่วยจะซึมลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดสติ หากรักษาไม่ทันอาจตายได้
ข้อแนะนำในการดูแลตัวเองของผู้ป่วย โรคเบาหวาน
        1. เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องรักษาติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือตลอดชีวิต ซึ่งหากได้รับการรักษาอย่างจริงจัง อาจมีชีวิตเหมือนคนปกติได้ แต่ถ้ารักษาไม่จริงจังก็อาจมีอันตรายจากโรคแทรกซ้อนได้มาก
        2. ควบคุมอาหาร การลดน้ำหนัก (ถ้าอ้วน) และ การออกกำลังกาย มีความสำคัญมาก ในรายที่เป็นไม่มาก ถ้าปฎิบัติในเรื่องเหล่านี้ได้ดี อาจหายจากเบาหวานได้โดยไม่ต้องพึ่งยา ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรอาหารที่มีผลต่อโรค ดังต่อไปนี้
         ลดการกินน้ำตาล และของหวานทุกชนิด รวมทั้งผลไม้หวานและน้ำผึ้ง และควรเลิกกินน้ำหวาน น้ำอัดลม ขนมหวาน เหล้าเบียร์
         ลดการกินอาหารพวกแป้ง เช่น ข้าว ข้าวเหนียว ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ วุ้นเส้น เผือก มัน เป็นต้น
         ลด อาการพวกไขมัน เช่น ของทอด ของมัน ขาหมู หมูสามชั้น อาหารหรือขนมที่ใส่กะทิ หันไปกินอาหารพวกโปรตีน เนื้อแดง ไข่ นม ถั่วต่างๆ รวมทั้งเพิ่มผักและผลไม้ที่ไม่หวานจัดให้มากขึ้น
         ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรหักโหม เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ รำมวยจีน เล่นโยคะ กายบริหาร เป็นต้น
        3. เลิกสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด มิเช่นนั้น อาจทำให้ผนังหลอดเลือดแดงแข็งเร็วขึ้น ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคแทรกซ้อนต่างๆ
        4. หมั่นดูแลรักษาเท้าเป็นพิเศษ ระวังอย่าให้เกิดบาดแผลหรือการอักเสบ เพราะอาจลุกลามจนกลายเป็นแผลเน่าจนต้องตัดนิ้วหรือขาทิ้ง 
        ควรล้างเท้าให้สะอาดด้วยสบู่ เช็ดให้แห้ง โดยเฉพาะตรงซอกเท้า อย่าถูแรงๆ
        เวลาตัดเล็บเท้า ควรตัดออกตรงๆ อย่าตัดโค้งหรือตัดถูกเนื้อ
        อย่าเดินเท้าเปล่า ระวังเหยียบถูกของมีคม หนาม หรือของร้อน
        อย่าสวมรองเท้าคับไป หรือใส่ถุงเท้ารัดแน่นเกินไป
        ถ้าเป็นหูดหรือตาปลาที่เท้า ควรให้แพทย์รักษา อย่าแกะหรือตัดออกเอง
        ถ้ามีตุ่มพอง มีบาดแผล หรือการอักเสบที่เท้าควรรีบไปให้แพทย์รักษา
        5. ผู้ป่วยที่กินยาหรือฉีดยารักษาเบาหวานอยู่ บางครั้งอาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ คือมีอาการใจหวิว ใจสั่น หน้ามืด ตาลาย เหงื่อออก ตัวเย็นเหมือนเวลาหิวข้าว ถ้าเป็นมากๆ อาจเป็นลม หมดสติ หรือชักได้ ดังนั้น จึงต้องระวังดูอาการดังกล่าว และควรพกน้ำตาลหรือของหวานติดตัวประจำ ถ้าเริ่มรู้สึกมีอาการดังกล่าวให้ผู้ป่วยรีบกินน้ำตาลหรือของหวาน จะช่วยให้หาย
        6. หมั่นตรวจปัสสาวะด้วยตัวเอง และตรวจเลือดที่โรงพยาบาลเป็นประจำ เพราะเป็นวิธีที่บอกผลการรักษาได้แน่นอนกว่าการสังเกตจากอาการเพียงอย่างเดียว
        7. อย่าซื้อยาชุดกินเอง เพราะยาบางอย่างอาจเพิ่มน้ำตาลในเลือดได้ แต่หากมีความจำเป็นต้องใช้ยาเองต้องแน่ใจว่า ยานั้นไม่มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด
        8. ควรมีบัตรประจำตัว (หรือกระดาษแข็งแผ่นเล็กๆ) ที่เขียนข้อความว่า "ข้าพเจ้าเป็นโรคเบาหวาน" พร้อมกับบอกชื่อยาที่รักษาพกติดกระเป๋าไว้ หากบังเอิญเป็นลมหมดสติ ทางโรงพยาบาลจะได้ทราบประวัติการเจ็บป่วยและให้การรักษาได้ทันท่วงที
        9. ป้องกันโรคนี้ด้วยการรู้จักกินอาหาร ลด ของหวานๆ อย่าปล่อยตัวให้อ้วน หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ และทำจิตใจให้ร่าเริงเบิกบาน อย่าให้เครียดหรือวิตกกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีญาติพี่น้องเป็นเบาหวาน ควรต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ และควรตรวจเช็คปัสสาวะหรือเลือดเป็นครั้งคราว เพราะหากพบเป็นเบาหวานในระยะเริ่มแรก จะสามารถควบคุมอาการของโรคได้
รู้ทัน . . .มะเร็งปากมดลูก
          
แม้ มะเร็งปากมดลูก จะเป็นโรคที่ป้องกันและรักษาให้หายได้ แต่ โรคมะเร็งปากมดลูก  ยังคงครองแชมป์อันดับหนึ่งของมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้หญิง โดยมีอัตราการเสียชีวิตของ มะเร็งปากมดลูก เฉลี่ยสูงถึง 7 คนต่อวัน  และพบผู้ป่วย มะเร็งปากมดลูก รายใหม่สูงถึง 6,000 คนต่อปี โดยในจำนวนของผู้มีเชื้อนี้กว่าครึ่งต้องเสียชีวิต เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่มักอายและกลัวที่จะไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อ มะเร็ง ทำให้กว่าจะรู้ว่าป่วยด้วย โรคมะเร็งปากมดลูก นี้  ความรุนแรงของโรคก็อยู่ในระยะลุกลามแล้ว..ดังนั้น  วันนี้เราจึงนำข้อมูลเกี่ยวกับ มะเร็งปากมดลูก มาให้คุณรู้เท่าทัน โรคมะเร็งปากมดลูก กันค่ะ
           โรคมะเร็งปากมดลูก (Cancer of Cervix)  เกิดจากเชื้อไวรัสตัวหนึ่งที่ชื่อว่า HPV (Human Papilloma Virus) ภาษาไทยเรียกกันว่า ไวรัสหูด ไวรัสชนิดนี้ติดต่อจากการสัมผัส ส่วนใหญ่เป็นการสัมผัสทางเพศสัมพันธ์ที่ทำให้มีรอยถลอกของผิวหรือเยื่อบุ และเชื้อไวรัสจะเข้าไปที่ปากมดลูก ทำให้ปากมดลูกมีการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อหรือเซลล์ จากปากมดลูกปกติกลายเป็นระยะก่อนเป็น มะเร็งปากมดลูก
          
ไวรัสเอชพีวี มีทั้งหมดกว่า 100 ชนิด แต่ที่ทำให้ติดเชื้ออวัยวะสืบพันธุ์มีประมาณ 30-40 ชนิด แบ่งเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มเสี่ยงต่ำและกลุ่มเสี่ยงสูง กลุ่มเสี่ยงต่ำไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง แต่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ หรือหูดที่กล่องเสียง ส่วนกลุ่มเสี่ยงสูงก่อมะเร็งต่างๆ ได้แก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด และมะเร็งปากช่องคลอด
           
สำหรับความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชพีวีดำเนินได้โดยง่าย เชื้อชนิดนี้เป็นเชื้อที่ทนทานต่อความร้อน และความแห้งได้ดี สามารถเกาะติดตามผิวหนัง อวัยวะเพศ เสื้อผ้า หรือแม้แต่กระจายอยู่รอบตัวในรูปของละอองฝุ่น ซึ่งผู้หญิงทุกคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์ย่อมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชพีวี อย่าง ไรก็ตาม การติดเชื้อมักหายได้เอง ด้วยภูมิต้านทานของร่างกาย มีเพียง 10% เท่านั้น ที่การติดเชื้อยังดำเนินต่อไป สร้างความผิดปกติให้กับเยื่อบุปากมดลูก และทำให้กลายเป็นมะเร็งในเวลาต่อมา ซึ่งเมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจนกระทั่งก่อให้เกิด มะเร็งปากมดลูก ได้นั้น ใช้เวลานานประมาณ 10-15 ปี
ปัจจัยเสี่ยง มะเร็งปากมดลูก
           - การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย
           -
การมีคู่นอนหลายคน หรือฝ่ายชายที่เราร่วมหลับนอนมีคู่นอนหลายคน
           -
การคลอดบุตรจำนวนหลายคน
           -
การสูบบุหรี่
           -
การมีภาวะคุ้มกันต่ำ โดยเฉพาะเป็นโรคเอดส์
           -
การสูบบุหรี่
           -
พันธุกรรม
           -
การขาดสารอาหารบางชนิด
          
ปัจจัยเสี่ยงจากฝ่ายชาย ที่อาจทำให้ผู้หญิงเป็น มะเร็งปากมดลูก
           -
ผู้ชายที่มีประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
           -
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย
           -
ผู้หญิงที่มีสามีเป็นมะเร็งองคชาติ
           -
ผู้หญิงที่มีสามีเคยมีภรรยาเป็น มะเร็งปากมดลูก
           -
ผู้ชายที่มีคู่นอนหลายคน
อาการและการรักษา โรค มะเร็งปากมดลูก
          
โรค มะเร็งปากมดลูก มักพบในผู้หญิงอายุ 35 - 60 ปี แต่ก็อาจพบ มะเร็งปากมดลูก ก่อนวัยอันควรได้  ทั้งนี้ อาการของผู้ป่วย มะเร็งปากมดลูก จะมากหรือน้อยขึ้นกับระยะของมะเร็ง ซึ่งอาการที่พบในผู้ป่วย โรคมะเร็งปากมดลูก ได้แก่
          
อาการตกเลือดทางช่องคลอด เป็นอาการที่พบได้มากที่สุดประมาณร้อยละ 80 – 90  ของผู้ป่วย มะเร็งปากมดลูก ลักษณะ เลือดที่ออกอาจจะเป็นเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน มีตกขาวผิดปกติ กลิ่นเหม็น มีเลือดปน หรือมีเลือดออกเวลามีเพศสัมพันธ์ ถ้าเป็นมากและมะเร็งลุกลามออกไปด้านข้าง หรือลุกลามไปที่อุ้งเชิงกรานก็จะมีอาการปวดหลังได้ เพราะไปกดทับเส้นประสาท
           http://hilight.kapook.com/img_cms/dookdik/ann56.gif
อาการในระยะหลังเมื่อมะเร็งลุกลามหรือไปสู่อวัยวะอื่นๆ ได้แก่ ขาบวม ปวดหลัง  ปวดก้นกบ ปัสสาวะเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด เป็นต้น
          
โรค มะเร็งปากมดลูก แบ่งเป็น 0-4 ระยะ ดังนี้
          
ระยะ 0  คือ เซลล์มะเร็งยังไม่กระจาย วิธีรักษา มะเร็งปากมดลูก ระยะ 0 คือ ผ่าตัดเล็ก ซึ่งใช้เวลาเพียง 15 นาที และตรวจติดตามอาการ การรักษาระยะนี้ได้ผลเกือบ 100%
          
ระยะที่ 1 เซลล์มะเร็งอยู่ที่ปากมดลูก การรักษา มะเร็งปากมดลูก ระยะ 1 คือผ่าตัดใหญ่ ผ่าตัดมดลูก เลาะต่อมน้ำเหลืองในเชิงกราน ซึ่งได้ผลดีถึง 80%
           
ระยะที่ 2 เซลล์มะเร็งกระจายออกจากปากมดลูก โดยยังไม่ไปไกลมาก แต่ก็ไม่สามารถผ่าตัดได้ การรักษา มะเร็งปากมดลูก ระยะที่ 2 นี้ ต้องรักษาด้วยการฉายรังสี และการให้เคมีบำบัด  (คีโม) ได้ผลราว 60%
           
ระยะที่ 3 เซลล์มะเร็งกระจายชิดเชิงกราน การรักษา มะเร็งปากมดลูก ระยะที่ 3 คือใช้รังสีรักษา และการให้เคมีบำบัด การรักษาระยะนี้ได้ผลประมาณ 20-30%
          
ระยะที่ 4 เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งกระจายทั่วร่างกาย การรักษา มะเร็งปากมดลูก ระยะที่ 4 คือการให้คีโม และรักษาตามอาการ โดยหวังผลได้เพียง 5-10% และโอกาสรอดน้อยมาก แต่ก็ไม่แน่ โดยมีผู้ป่วย มะเร็งปากมดลูก บางรายสามารถอยู่ต่อได้นานถึง 1-2 ปี จึงเสียชีวิต
ผลข้างเคียงจากการรักษาโรค มะเร็งปากมดลูก
           http://hilight.kapook.com/img_cms/dookdik/ann56.gifการผ่าตัด ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดที่อาจเกิดได้ ได้แก่ การตกเลือด การติดเชื้อ อันตรายต่ออวัยวะใกล้เคียง
           http://hilight.kapook.com/img_cms/dookdik/ann56.gif
การฉายแสง (ระยะเวลา 1-2 เดือน) ผลข้างเคียง คือ ผิวแห้ง ปัสสาวะมีเลือดปน อ่อนเพลีย
           http://hilight.kapook.com/img_cms/dookdik/ann56.gif
ยาเคมีบำบัด ผลข้างเคียงคือ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง มือเท้าชา ซึ่งขึ้นกับยาแต่ละชนิดที่เลือกใช้
ผู้หญิงควรจะเริ่มตรวจหาโรค มะเร็งปากมดลูก เมื่อใด
          
ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ทุกช่วงอายุ ควรมาตรวจคัดกรองเชื้อ มะเร็งปากมดลูก หรือที่เรียกว่า แพปสเมียร์ (Pap Smear)   อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และผู้หญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ควรเริ่มเมื่อ อายุ 30 ปีขึ้นไป แต่ในกรณีที่เริ่มพบความผิดปกติแพทย์อาจนัดให้ไปตรวจถี่ขึ้น
          
ทั้งนี้ แพปสเมียร์ คือ วิธีการตรวจหาความผิดปกติ หรือโรค มะเร็งปากมดลูก ที่ค่อนข้างง่าย ใช้เวลาเพียง 2–3 นาทีเท่านั้น เป็นการตรวจที่ทำควบคู่ไปกับการตรวจภายในของผู้หญิง แพทย์จะสอดเครื่องมือเข้าไปในช่องคลอด โดยใช้ไม้ขนาดเล็กขูดเบาๆ เพื่อเก็บเซลล์มาป้ายบนแผ่นกระจก และนำไปตรวจหาความผิดปกติ โดยก่อนที่จะตรวจ ควรเตรียมร่างกายให้พร้อม ไม่ควรตรวจในช่วงระหว่างมีประจำเดือน งดการมีเพศสัมพันธ์ และงดการสวนล้างช่องคลอด หรือสอดยาใดๆ ก่อนเข้าทำการตรวจ ข้อดีคือ วิธีการตรวจแบบแพปสเมียร์นี้ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็น โรคมะเร็งปากมดลูก ได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์
วัคซีนโรค มะเร็งปากมดลูก
          
หลายๆ คนคงเคยได้ยินเรื่องการรณรงค์ฉีดวัคซีนโรค มะเร็งปากมดลูก ความจริงแล้ว ระดับการป้องกันโรค มะเร็งปากมดลูก มีหลายระดับ โดยระดับแรกของการป้องกันคือ การฉีดวัคซีน ที่เชื่อว่าลดความเสี่ยงได้ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ การป้องกันขั้นพื้นฐานด้วยการตรวจแพปสเมียร์เป็นประจำก็เป็นเรื่องสำคัญ
          
ทั้งนี้ ตามคำแนะนำของคณะกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันแห่งสหรัฐอเมริกา เด็กและหญิงสาวที่อายุต่ำกว่า 26 ปี ซึ่งไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน สามารถรับการฉีดวัคซีนชนิดนี้ได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อเอชพีวี ส่วนหญิงสาวที่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว ควรตรวจคัดกรอง มะเร็งปากมดลูก หรือแพปสเมียร์เสียก่อน เพราะเป็นไปได้ว่าอาจพบการติดเชื้อ หรือมีความผิดปกติ ซึ่งจะต้องทำการรักษาให้หายเสียก่อน จึงจะรับการฉีดวัคซีนได้ในเวลาต่อมา ส่วนวัยที่ควรเริ่มฉีดวัคซีนชนิดนี้คือ 9 ปีขึ้นไป และการใช้วัคซีนในผู้หญิงวัย 9 – 26 ปี จะป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

          
อย่าลืมหมั่นตรวจเช็คสุขภาพ และความผิดปกติของร่างกาย ที่สำคัญอย่ากลัวหรืออายที่จะไปตรวจหาเชื้อ มะเร็งปากมดลูก เพราะหากช้าไป โรคร้ายอาจทำลายคุณ
020 2222 8597
โรคตับแข็ง เกือบตายเพราะเหล้า
เกือบตายเพราะเหล้า (หมอชาวบ้าน)
คอลัมน์ คุยกับหมอ 3 บาท
โดย นพ.พินิจ ลิ้มสุคนธ์
         
ผู้ป่วยชายรายหนึ่งอายุ 46 ปี ภรรยาและลูกนำส่งโรงพยาบาลเนื่องจากเพ้อคลั่ง กินอาหารไม่ได้ อาเจียนมาก เป็นมา 2 วัน
          "
เป็นอะไรมาครับ" หมอถาม
          "
แกชอบดื่มแต่เหล้า สองวันนี้อาเจียนมาก เพ้อ เอะอะ โวยวาย ทานอะไรไม่ได้ค่ะ" ภรรยาตอบ
          "
มีไข้ไหมครับ"หมอซักต่อ
          "
เอ่อ... ก็ตัวเย็นนะคะ"
          "
มีโรคประจำตัวอะไรไหมครับ"
          "
เป็นความดันโลหิตสูง แล้วก็ขาบวมค่ะ"

          "
มียาที่กินประจำอะไรบ้างครับ เอาติดมาด้วยหรือเปล่า"
          เมื่อหมอได้ดูยาแล้วก็แน่ใจว่าเป็นยาขับปัสสาวะที่นิยมใช้ กรณีที่มีอาการบวมร่วมกับความดันโลหิตสูง จากนั้นก็ตรวจร่างกายผู้ป่วย พบว่ามีภาวะคลุ้มคลั่งสับสน เนื่องจาก ตับแข็ง ขาดวิตามินบี 1 และเสียสมดุลของน้ำและเกลือแร่ ซึ่งอาจจะเกิดจากการหยุดดื่มเหล้ากะทันหัน
         
หลังจากรักษาแล้ว วันรุ่งขึ้นก็พูดรู้เรื่องและกลับบ้านได้ ในวันที่สาม หมอได้ให้คำแนะนำดังนี้
          "
คุณมี ตับแข็ง จากผลของเหล้า ซึ่งจะทำให้เกิดอาการบวม แต่ถ้ากินยาขับปัสสาวะเพื่อลดบวมก็จะทำให้เกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ อาจเกิดคลุ้มคลั่งสับสนได้อีก ดังนั้นต้องหยุดทำร้ายตับโดยการหยุดดื่มเหล้าและบำรุงร่างกาย แต่การที่คุณติดเหล้าจะหยุดกะทันหันไม่ได้ หมอจะให้ยากล่อมประสาทและยาควบคุมประสาทอัตโนมัติ จะช่วยไม่ให้เกิดความรู้สึกอยากดื่มจนทนไม่ไหว ลดอาการสั่นกระตุก และช่วยให้หลับได้ คาดว่าจะใช้ยาไป 1-2 สัปดาห์"
          "
แต่คุณจะต้องตั้งสัจจะเลยนะว่าจะไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ตลอดไป จำไว้ว่าคุณจะอายุสั้นมาก หากตับคุณแข็งมากไปกว่านี้" หมอย้ำเรื่องสำคัญ
          "
แล้วผมจะอยู่ได้นานแค่ไหนครับ"
          "
ผม บอกไม่ได้ อาจจะเป็นเดือน เป็นปี หรือหลายๆ ปี ขึ้นอยู่กับว่าคุณปฏิบัติตัวดีแค่ไหน ที่สำคัญ "ต้องหยุดทำร้ายตับโดยการหยุดดื่มเหล้าและบำรุงร่างกาย" คือต้องหยุดดื่มเหล้าเพื่อไม่ให้ตับถูกทำร้ายมากขึ้น ตับของคุณอาจจะดีขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย แล้วต้องบำรุงร่างกายด้วยอาหารที่มีประโยชน์ ควรงดพวกไขมันสัตว์ลดอาหารพวกเนื้อสัตว์ เพิ่มการพวกถั่วต่างๆ เต้าหู้ ธัญพืช ผักสด ผลไม้สด"
         
ผู้ป่วยก็รับฟังอย่างตั้งใจ แต่ตอนที่บอกให้เลิกเหล้านี่สิ ดูไม่ค่อยอยากจะรับปากเท่าไหร่
         
เมื่อพูดถึงอันตรายจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดูเหมือนว่าไม่ค่อยมีใคร กลัว เพราะผลร้ายไม่เกิดทันที แต่ผลที่ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกดีรู้สึกสนุกเห็นผลชัดกว่า นานๆ ดื่มทีไม่เป็นไร แต่หากดื่มเป็นประจำก็จะเกิด โรคตับแข็ง เบาหวาน สมองเสื่อม ความดันโลหิตสูง ไตพัง ขาดสติจนเกิดอุบัติเหตุ บางคนไม่ต้องรอให้ตับแข็งก็ตายจากไข้โป้งไปก่อนแล้ว เพราะไปทำความรำคาญให้ชาวบ้านเขา
         
หลายคนคงเคยได้เห็นหรือได้ยินการประชาสัมพันธ์ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการ สร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อรณรงค์ลดการดื่มเหล้า โดยมีการโฆษณาทั้งในโทรทัศน์และสื่ออื่นๆ ที่ว่า "ให้เหล้า=แช่ง" ซึ่งตอนนี้เริ่มจะอยู่ในความรู้สึกของคนไทยแล้ว หลายๆ คนชักไม่กล้าที่จะให้ของขวัญกันด้วยเหล้า เพราะกลัวคนรับจะคิดมาก เลยเลี่ยงไปให้อย่างอื่นดีกว่า ถือว่าการรณรงค์นี้ได้ผลดีทีเดียว
         
แต่ก็อยากให้มีการประชาสัมพันธ์เพื่อตอกย้ำอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยอาจจะเน้นที่อันตรายของเหล้าและทำให้ดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
         
แล้วเป้าหมายของรัฐที่อยากให้คนไทยดื่มเหล้ากันน้อยลงก็จะเป็นจริงได้

morsengหมอเส็ง แผนการตลาดไบนารี่ อันดับ1In LAOS TEL:0202222 8597

แผนการตลาด  บริษัท แสงสุริยะฉัตร (2002) จำกัด

ສົນໃຈທຸລະກິດ ໝໍເສັງ ຄຣີກເບິ່ງ
ຮັບສະໝັກ ສະມາຊິກ, ຕົວແທນຈ່ຳໜ່າຍ ລາຍໄດ້ດີ
ໂທ:020 56999579 ; 77555579 KhamPhat

หมอเส็ง แผนการตลาดไบนารี่ อันดับ 3 กวาด 2,500 ล้านปี 2554
สมาชิกสามารถสร้างองค์กรได้ 2 สายงาน โดยไม่มีจำกัดชั้นลึก

   อันดับแรก ต้องทำคะแนน ส่วนตัวให้ครบ 300 PV เพื่อก้าวขึ้นสู่
ตำแหน่ง Silver เพื่อมีสิทธิรับโบนัสต่าง ๆ ในองค์กรของคุณ

(ไม่ต้องหนักใจ หรือกังวลอะไรทั้งสิ้น เพราะการสะสมคะแนน
  ธุรกิจหมอเส็ง ไม่มีการกำหนดเวลา ไม่มีรักษายอด สบายใจได้เลยครับ)



ลำดับต่อไปเมื่อองค์กรของคุณเติบโตขึ้นมีครบ 2 กลุ่ม A, B
มีการพัฒนาเติมโตขึ้น จะมีคะแนนเกิดขึ้นในองค์กรของคุณทั้ง 2 ข้าง



   ไม่ว่าคะแนน PV จะเกิดขึ้นมาจากจุดไหนก็ตาม ในสายงานของคุณ
เช่น สมาชิกแต่ล่ะคน มีคนล่ะ 10 PV 20 PV 100 PV เท่าไหร่ก็ได้
รวมกันแล้วครบข้างล่ะ 300 PV คุณจะได้รับโบนัสทันที 1,000 บาท
การสะสมคะแนนนี้ไม่มีการกำหนดเวลา ไม่มีการกำหนดชั้นลึก
คะแนนครบเมื่อไหร่รับโบนัสในวันรุ่งขึ้นทันที 1,000 บาท
กำหนดให้รับได้ไม่เกิน 20,000 บาท/วัน (ข้างล่ะ 6,000 PV)





สะสมคะแนนครบข้างล่ะ 30,000 PV ขึ้นตำแหน่งคุณวุฒิ Gold

การสะสมคะแนนขึ้นตำแหน่งคุณวุฒิ GOLD ไม่มีการกำหนดระยะเวลา มีสิทธิรับโบนัสบริหารทีม 3 ระดับ
Gold ที่ได้รับโบนัสสร้างทีม 100,000 บาท/เดือน ---> รับโบนัสบริหารทีม 20,000 บาท
Gold ที่ได้รับโบนัสสร้างทีม 200,000 บาท/เดือน ---> รับโบนัสบริหารทีม 50,000 บาท
Gold ที่ได้รับโบนัสสร้างทีม 300,000 บาท/เดือน ---> รับโบนัสบริหารทีม 100,000 บาท
โบนัสบริหารทีม บริษัทจะจ่ายให้ในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป


โบนัสแนะนำส่วนตัว เมื่อแนะนำ Silver ได้ครบ 5 Silver ขึ้นไป
รับ 10% จากโบนัสสร้างทีมของแต่ล่ะ Silver ที่คุณแนะนำ




--->โบนัสแนะนำส่วนตัว บริษัทจะจ่ายให้ในวันที่ 10 ของเดือนถัดไป
--->แม้ว่า Silver 5 คน นี้ จะอยู่เพียงด้านใดด้านหนึ่งของเรา
--->โบนัสแนะนำส่วนตัว 10% เราก็ยังได้รับอยู่ ไม่ต้องจับคู่
--->ไม่ต้องรักษายอดขายส่วนตัว และยอดกลุ่ม สบาย ๆ


การสะสมโบนัสสร้างทีมเพื่อขึ้นตำแหน่งคุณวุฒิในแต่ล่ะตำแหน่ง
     100,000 บาท ---> ตำแหน่ง ฉัตรทอง (GOLD)
  1,000,000 บาท ---> ตำแหน่ง ฉัตรไฟลิน
  3,000,000 บาท ---> ตำแหน่ง ฉัตรมุก
  5,000,000 บาท ---> ตำแหน่ง ฉัตรทับทิม
  7,000,000 บาท ---> ตำแหน่ง ฉัตรมรกต
10,000,000 บาท ---> ตำแหน่ง ฉัตรเพชร



ข้อดีของแผนการตลาด บริษัท แสงสุริยะฉัตร (2002) จำกัด
1. ไม่กำหนดระยะเวลา ในการสะสมคะแนน PV
2. ไม่มีการรักษายอดขายส่วนตัว และยอดกลุ่ม
3. นับคะแนนจากยอดขาย 2 ฝั่งลึกไม่มีการกำหนดจำนวนชั้นลึก
4. มีโบนัสบริหารองค์กรมอบให้เพิ่มเติมเป็นพิเศษ
5. มีรายได้ถึง 3 ทาง และโตฝั่งเดียวก็สามารถมีรายได้จากระบบธุรกิจนี้ได้
6. ตำแหน่งขึ้นแล้วไม่ตกลง และมีโอกาสก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งคุณวุฒิพิเศษสูงขึ้น
   ไปอีกหลายระดับในบริษัท พร้อมกับได้รับผลประโยชน์พิเศษเพิ่มมากมาย
 
ສົນໃຈທຸລະກິດ ໝໍເສັງ ຄຣີກເບິ່ງ
  WWW.morsenglao.blogspot.com
ຮັບສະໝັກ ສະມາຊິກ, ຕົວແທນຈ່ຳໜ່າຍ ລາຍໄດ້ດີ
ໂທ:020 56999579 ; 77555579 KhamPhat