Tuesday, July 31, 2012

ขมิ้นชันหมอเส็ง กับเรื่องสิวๆ , แนะนำวิธีทาน ว่านชักมดลูกหมอเส็ง , หมอเส็ง รักษาการมีบุตรยากอย่างไร ?

ขมิ้นชันหมอเส็งกับเรื่องสิวๆ

Morseng Vientianeเรื่อง ของผิวพรรณเป็นเรื่องที่หลายๆท่านให้ความสำคัญมากโดยเฉพาะสุภาพสตรี ปัญหาใหญ่ชนิดหนึ่งของผิวพรรณที่พบได้บ่อยและเป็นปัญหาที่ทำให้ขาดความมั่น ใจอย่างมากก็ คือ ปัญหาสิว ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือวัย ผู้ใหญ่ก็ตาม
หลังจากที่ผมพยายามหาวิธีการในการรักษาสิวแบบธรรมชาติ และไม่จำเป็นต้องใช้ทายาหรือใช้ยารักษาสิว โดยการนั่งอ่านบทความจำนวนมากที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมพบว่าหลายแหล่งความรู้จากต่างประเทศ ต่างพูดถึงการรักษาสิวที่เกี่ยวข้องกับตับหรือการล้างพิษในตับ หลายคนที่เคยมีปัญหาสิวอย่างหนักกลายมาเป็นคนที่มีผิวพรรณดี หน้าใสไร้สิวได้อย่างไร ? และเรื่องหลักของเราที่พูดถึงขมิ้นชันหมอเส็งกับสิวและการล้างพิษตับเกี่ยวข้องกันอย่างไร ? ท่านจะได้ทราบในบทความนี้ครับ

สาเหตุแท้จริงของสิว

หลายท่านเคยเข้าใจว่าสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดสิว คือ
  • เชื้อแบคทีเรีย
  • ผิวมัน
  • การควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักแบบผิดวิธี
  • และสาเหตุอื่นๆที่ท่านอาจจะเคยผ่านตามาบ้าง
ไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดสิว
จากการค้นคว้าหาข้อมูลจำนวนมาก เราพบว่าสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดสิวมีอยู่ 2 อย่างเท่านั้น! คือ
“ความไม่สมดุลของฮอร์โมนร่วมกับการมีสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกาย (ในระบบเลือดและน้ำเหลือง)”
เพราอะไร ? มาดูกันต่อครับ
ฮอร์โมนเป็นสื่อทางเคมีที่ร่างกายใช้ในการสื่อสารกับอวัยวะและเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย เพื่อบอกให้ทราบว่าต้องทำอะไรบ้าง ? ถ้าเราพูดถึงเรื่องสิวเราจะพูดถึงฮอร์โมนที่เรียกว่า แอนโดรเจน (androgenic) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ประกอบไปด้วยฮอร์โมนเพศชายที่มีชื่อว่า เทสโทสเทอโรน ที่มีหน้าที่ในการมีหน้าที่ควบคุมลักษณะเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเพศชายใน ช่วงวัยรุ่น
ตัวแอนโดรเจนเองจึงเป็นฮอร์โมนเพศชายที่มีอยู่ร่างกายของทั้งผู้ชายและ ผู้หญิง และมีทำหน้าที่เกียวกับการควบคุมต่อมไขมันที่ผิวหนัง พูดให้เข้าใจกันแบบง่ายๆก็คือ ร่างกายของใครที่ฮอร์โมนชนิดนี้มาก ผิวของคนๆนั้นก็จะมันมาก เพราะต่อมไขมันที่ผิวหนังผลิตน้ำมันมากกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม ปริมาณแอนโดรเจนในร่างกายที่สูงไม่ได้เป็นปัจจัยทั้งหมดที่ก่อให้เกิดสิว เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมบางคนที่ผิวมันมากๆทำไมถึงไม่เป็นสิวเลย ? ต้องมีปัจจัยร่วมอีกอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น คือ การมีสารพิษตกค้างในร่างกาย ซึ่งหากท่านใดมีครบทั้งสองปัจจัยแล้ว ผิวของท่านจะเป็นแหล่งที่แบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวเจริญเติบโตได้ดีและ รับรองได้ว่าท่านจะต้องมีปัญหาสิว ไม่ว่าจะเป็น สิวผด สิวฝัง สิวหัวช้าง หรือสิวอื่นๆอย่างแน่นอน
เห็นไหมครับว่า แบคทีเรียไม่ได้เป็นสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดสิว แต่ผิวของท่านเองต่างหากละครับ ที่เป็นแหล่งกำเนิดเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวอย่างดี ดังนั้นแม้ว่าเราจะพยายามใช้ยาเพื่อทำลายแบคเทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวมาก เท่าไร สิวก็จะไม่หายไป ถึงแม้หายก็จะเป็นใหม่ หากท่านมีปัญหาเรื่องสมดุลของฮอร์โมนแอนโดรเจนและปัญหาสารพิษตกค้างในระบบ เลือดและน้ำเหลือง

แก้ปัญหาสิวจากสาเหตุที่แท้จริง

ความลับอย่างหนึ่งของการรักษาสิวที่ไม่ค่อยมีใครทราบ คือ การทำอย่างไรให้ร่างกายมีฮอร์โมนแอนโดรเจนที่สมดุลและการล้างพิษในระบบเลือด และน้ำเหลืองอย่างไรดี ?
โดยปกติแล้ว ร่างกายของมนุษย์เราจะพยายามรักษาความสมดุลของฮอร์โมนไว้ หากร่างกายเริ่มขาดความสมดุลของฮอร์โมนหรือมีสารพิษในร่างกายขึ้นมาเมื่อ ไหร่ ร่างกายจะพยายามสร้างสมดุลให้กลับคืนมาให้ได้ โดยการกำจัดส่วนเกินของฮอร์โมนและสารพิษออกไป แล้วกระบวนการในการปรับสมดุลและกำจัดสารพิษส่วนเกินทำงานอย่างไร ?  ลองดูต่อไปครับ
อวัยวะที่มีส่วนสำคัญในเรื่องนี้ คือ ตับ จากที่เราพอจะทราบกันอยู่ว่า ตับทำหน้าที่หลักในการกำจัดของเสียหรือสารพิษออกจากร่างกาย หรือจะพูดให้ชัดในประเด็นของสิว คือ ตับทำหน้าที่ในการกำจัดแอนโดรเจนส่วนเกินและกำจัดสารพิษในระบบเลือดและน้ำ เหลืองของเรานั่นเอง
ความแตกต่างของคนที่หน้าใสกับคนที่หน้าสิว ความแตกต่างระหว่างเรากับเพื่อนที่หน้าใสไร้สิว ซึ่งเค้าไม่ได้ไปหาหมอหน้าหรือแพทย์ผิวหนังที่ไหน ? และไม่ได้กินวิตามินหน้าใสหรือทำอะไรพิเศษกับผิวหน้า ความแตกต่างนั้น คือ ประสิทธิภาพของตับในการกำจัดสารพิษและฮอร์โมนส่วนเกินที่ดีกว่าคนที่เป็นสิว นั่นเอง
ผมเชื่อว่าตอนเป็นวัยรุ่นคนส่วนใหญ่ต้องมีปัญหาสิวกันบ้างไม่มากก็น้อย และเคยสงสัยไหมครับว่าทำไมเป็นวัยรุ่นแล้วมักจะต้องเป็นสิว ?
โดยธรรมชาติแล้วตับของเรามีความสามารถในการกำจัดสารพิษหรือฮอร์โมนส่วน เกินได้ในระดับในเวลาหนึ่งเท่านั้น และในขณะที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นหรือเป็นวัยรุ่นแล้วก็ตามร่างกายของเราจะมี การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนหลายๆชนิดในร่างกายอย่างรวดเร็ว รวมถึงการเพิ่มระดับของแอนโดรเจนในร่างกาย หากตับของเราสามารถที่กำจัดฮอร์โมนส่วนเกินนี้ได้ ทุกอย่างก็ไร้ปัญหา แต่ถ้ากำจัดได้ไม่หมดร่างกายจะมีฮอร์โมนส่วนเกินค้างอยู่และทำให้ระบบเลือด ของเรามีสารพิษตกค้างไปด้วย ก่อให้เกิดสิวได้ในภายหลัง ซึ่งในกรณีนี้ก็สามารถใช้อธิบายเหตุผลที่สตรีในช่วงของการมีประจำเดือนมักจะ มีปัญหาสิวได้เช่นกัน

ขมิ้นชันหมอเส็งล้างพิษตับ

หากท่านเคยอ่านสรรพคุณของขมิ้นชัน หรือสรรพคุณขมิ้นชันหมอเส็ง จะพบว่าสรรพคุณที่ช่วยให้ตับทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพและช่วยในการล้างพิษตับ คือ
  • ป้องกันการอักเสบของตับ
  • ลดการอักเสบในร่างกาย
  • ต้านมะเร็ง
  • ป้องกันการเกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกาย
การทานขมิ้นชันเพื่อการล้างพิษตับเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับคนที่มีปัญหา สิว เพื่อให้ตับสามารถกำจัดฮอร์โมนส่วนเกินและสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งถ้าใครเป็นสิวมากสิ่งที่ต้องระวังให้มากอีกอย่าง คือ การทานอาหารปลอดสารพิษที่จะช่วยให้ตับทำงานน้อยลง และได้พักมากขึ้น การทานเนื้อสัตว์ที่มีฮอร์โมนเร่งโต หรือผักที่ฉีดยาฆ่าแมลง และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ล้วนส่งผลต่อการทำงานและประสิทธิภาพของตับทั้งสิ้น
การใช้ขมิ้นชันเพื่อรักษาสิวเรามีความจำเป็นต้องทานขมิ้นชันได้ปริมาณ เพียงพอ สำหรับขมิ้นชันธรรมดา ตามขนาดที่เภสัชกรแนะนำ คือ 500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง หลังอาหาร ในช่วงแรกของการทานอาจจะมีอาการร้อนในบ้าง แต่เมื่อร่างกายปรับตัวได้อาการร้อนในจะค่อยๆดีขึ้นเอง
ในกรณีขมิ้นชันหมอเส็ง โดยส่วนตัวแล้วผมว่าดีกว่าขมิ้นชันธรรมดามากเพราะเป็นตำรับยาที่ได้รับการ ผสมผสานสมุนไพรถึง 32 ชนิด เข้าด้วยกันและได้ผลจากการทานดีกว่าขมิ้นชันธรรมดามาก (จากการทดลองด้วยตนเอง) อีกทั้งยังช่วยกำจัดกลิ่นต่างๆที่เป็นกลิ่นไม่สะอาดในร่างกาย ซึ่งสรรพคุณในการกำจัดกลิ่นตรงนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการกำจัดสาร พิษในระบบเลือดและน้ำเหลือง เพราะคนที่ร่างกายมีกลิ่น นั่นหมายถึง เลือดในร่างกายที่ไม่สะอาดพอและมีสารพิษตกค้างนั่นเอง

แนะนำวิธีทาน ว่านชักมดลูกหมอเส็ง

Morseng Lao Vientiane Tel 020 5996 2888 / 2222 8597มีหลายคำถามจากท่านผู้อ่านเกี่ยวกับวิธีการรับประทานว่านชักมดลูกหมอเส็งสูตร 1 และว่านชักมดลูกหมอเส็งสูตร 2 ก็เช่นเคยครับ ผมก็เลยทำหน้าที่ของตัวแทนจำหน่ายที่ดี นำความรู้และคำแนะนำในเรื่องนี้ โดยคุณหมอโฆษิต มาถ่ายทอดต่อให้ทุกท่านครับ

ว่านชักมดลูกสูตรไหนดี ?

ตัวว่านชักมดลูกสูตร 1 และ สูตร 2 ผมให้ข้อคิดอย่างนี้ สูตร 1 ที่เป็นกล่องเขียวนะครับ เหมาะสำหรับสุภาพสตรีที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปีลงมานะครับ ตัวกล่องน้ำเงินที่เป็นสูตร 2 เหมาะสำหรับคนที่มีอายุมากกว่า 35 ปี ขึ้นไปแล้วก็คนที่ท้องหลังคลอดทุกวัยอายุ ตัวสูตร 2 เหมาะกับท่าน ตัวสูตร 2 เหมาะกับคนหลังคลอดกับหลังแท้งบุตรนะครับ แต่ถ้าใครที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปีลงมาให้ท่านใช้สูตร 2 ถ้าหลังคลอดบุตรกับหลังแท้งบุตรประมาณ 1-2 เดือน แล้วให้ท่านกลับไปใช้สูตร 1 เหมือนเดิม ส่วนใครที่มีอายุมากกว่า 35 ปีไปแล้วก็ให้ท่านใช้สูตร 2 ต่อ เนื่องกันไปได้เลยนะครับ มันจะช่วยให้มดลูกของคุณเข้าอู่เร็วขึ้น ขับน้ำคาวปลา โพรงมดลูกของคุณจะได้สะอาดเร็วขึ้น การติดเชื้อจะได้น้อยลง และมันไปเสริมสร้างความแข็งแรงโครงสร้างข้างในให้แข็งแรง
ผมสรุปให้แบบนี้ครับ 
     “ว่านชักมดลูกหมอเส็งสูตร 1 เหมาะสำหรับสุภาพสตรีที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี

ว่านชักมดลูกหมอเส็งสูตร 2 เหมาะสำหรับสุภาพสตรีที่มีอายุมากกว่า 35 ปี ขึ้นไป และเหมาะสำหรับสุภาพสตรีหลังคลอดและหลังแท้งทุกวัย”

ว่านชักมดลูกทานนานแค่ไหน ?

คุณต้องจำไว้ว่า ว่านชักมดลูกอย่ากินในปริมาณเยอะแล้วก็อย่ากินนานนะครับ 4 เดือน 6 เดือน ท่านต้องลดปริมาณลงมาบ้าง คุณจะเห็นว่าที่กล่องว่านชักมดลูกของคุณหมอเส็งจะมีเขียนเอาไว้ว่า ไม่ใช้ยาตัวนี้นานจนเกินไป แต่ไม่ได้บอกระยะเวลานะครับ 4 – 6 เดือน ท่านต้องหยุดบ้าง ท่านต้องลดปริมาณการใช้ลงมาครึ่งหนึ่งบ้าง เปลี่ยนมาเป็นใช้เป็นวันเว้นวันบ้าง อย่าทานต่อเนื่องเยอะ เพราะถ้าทานต่อเนื่องเยอะ มันจะกลับกลายเป็นว่าทำให้ฮอร์โมนตัวนี้ผันผวน (ฮอร์โมนเพศหญิงที่เรียกว่า เอสโตรเจน) และ อาจจะก่อให้เกิดมะเร็งกับเต้านม มดลูกและรังไข่ของเราได้ เพราะฉะนั้น เราควรรักษาระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนให้อยู่ในปริมาณที่มันไม่เยอะจนเกินไป แล้วควบคุมให้ร่างกายเราเปล่งปลั่งสวยงาม

“ว่านชักมดลูกอย่าทานต่อเนื่องเกิน 6 เดือน”

ผมขอเสริมเรื่อง ว่านชักมดลูกทานนานแค่ไหน ?
จากประสบการณ์ของผม เวลาคุณหมอเส็งแนะนำคนไข้ให้ทานว่านชักมดลูก เวลารับประทานจะอยู่ที่ประมาณ 3 เดือน ครับ แต่ถ้า 3 เดือนแล้วยังไม่ได้ผลเป็นทีน่าพอใจก็ทานต่อไปได้ครับแต่ต้องไม่เกิน 6 เดือน ดังที่คุณหมอโฆษิตกล่าวไว้ครับ
คำแนะนำในบทความนี้นอกจากสามารถนำไปปรับใช้กับการรับประทาน ยาสตรีหลังการคลอดบุตร ยาสตรีเบอร์ 2 ว่านชักมดลูก สูตร 111 ก็ได้ด้วยนะครับ เพราะว่าล้วนแล้วแต่มีส่วนผสมของว่านชักมดลูกทั้งนั้น
 Morseng Lao Vientiane Tel 020 5996 2888 / 2222 8597
>>>www.morsenglao.blogspot.com<<< 

หมอเส็ง รักษาการมีบุตรยากอย่างไร ?

เห็น เป็นประเด็นร้อนที่คู่สามีภรรยาหลายๆคู่ ค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เนต ด้วยความคันไม้คันมือผมเองก็เลยตัดสินใจหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูบ้าง ว่า คู่สามีภรรยาที่เค้าประสบปัญหาการมีบุตรยากได้รับการตรวจและการรักษาจากหมอแมะอย่างไรบ้าง ? มีการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวเพื่อให้มีลูกติด

เท่าที่ผมรวบรวมการตรวจรักษาการมีบุตรยากของหมอแมะก็มีประมาณนี้ครับ
1. ตรวจร่างกายด้วยการจับชีพจร อันนี้ผมว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไปที่ผมคิดว่าหมอแมะทุกคนต้องทำอยู่ (ถ้าไม่ตรวจจะรู้ได้ยังไง ?) โดยทำการแมะทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง โดยส่วนใหญ่หลังจากทำการตรวจแล้วมักจะพบว่าฝ่ายสามีและ(หรือ)มีปัญหาเรื่อง ไตไม่แข็งแรง แล้วส่งผลถึงระบบการสืบพันธุ์ ส่งผลอย่างไรบ้าง ลองอ่านข้อความด้านล่างนี้ดูครับ

อาจจะเคยได้ ยินมาบ้างว่าทางแพทย์จีนถือว่า ไต เป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุด ธาตุหยางที่ไตถือเป็นต้นกำเนิดของธาตุหยางทั้งหมดในร่างกาย แม้กระทั่งไฟหรือธาตุหยางที่ใช้ในการย่อยอาหารก็มาจากไตเช่นกัน

ธาตุหยางที่ ไตพร่องยังมีอาการต่างๆ อีก เช่น ปวดเมื่อยเอว เข่าไม่มีแรง ผมร่วง ฟันโยกง่าย กระดูกเปราะ ปัสสาวะถี่หรือน้อยเกินไป ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ มีลูกยาก เป็นต้น

ยกมาจาก http://aunlamun.exteen.com/20071202/entry
จากข้อความข้างต้นจะเห็นว่าไตเป็นอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ โดยตรง เพราะฉะนั้นถ้าใครมีปัญหาเรื่องไตย่อมส่งผลให้มีบุตรยากครับ
2. จ่ายยา หลังจากที่หมอแมะทำการตรวจร่างกายเป็นที่เรียบร้อยแล้วขั้นตอนต่อไปก็คงไม่ พ้นการจ่ายยาให้รับประทาน ประเด็นสำคัญตรงเรื่องนี้อยู่ที่ว่าหมอแมะจ่ายยาอะไรให้รับประทานบ้าง อยากรู้ไหมครับ  ?
ฝ่ายหญิง
  • ยาตัวแรกที่ต้องรับประทาน คือ ยาปรับสมดุลร่างกายหรือจะเรียกว่ายาปรับธาตุก็ได้ครับ ต้องทานยานี้ก่อนเพราะว่าเป็นยาตัวพื้นฐานที่ช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง ขึ้นจากการปรับธาตุให้สมดุลโดยทานควบคู่กับยาบำรุงร่างกายเพื่อให้ได้ผลดี ที่สุด
  • ทานยาบำรุงมดลูก (คิดว่าเป็นยาบำรุงโลหิตสตรี) เพื่อช่วยขับเลือดเสีย ทำให้เลือดไหลเวียนดี ขับน้ำคาวปลาและทำให้มดลูกสะอาดมีสุขภาพดี
  • ทานยาบำรุงไต เพื่อเสริมสร้างธาตุหยางให้ไตแข็งแรง
  • ทานยาเสริมสร้างฮอร์โมนเพศหญิง เพื่อช่วยกำหนดวันไข่ตกและตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้น (ทำให้รู้ว่าต้อง xxx เมื่อไหร่)
ฝ่ายชาย
  • ทานยาบำรุงไต เพื่อเสริมสร้างธาตุหยางให้ไตแข็งแรง
  • ทานยาบำรุงร่างกาย
ฝ่ายชายทานยาน้อยนะครับ มีไม่กี่ตัวเอง
ส่วนผลที่ได้ของสามีภรรยาแต่ละคู่ นั้นก็แตกต่างกันออกไป บางคู่ก็ได้ลูกสมใจ บางคนหลังจากติดลูกแล้วก็แท้ง บางคนไม่ติดลูกเลยก็มี ขึ้นอยู่ความแข็งแรงของร่างกายและบุญวาสนาด้วย
การไปหาหมอแมะเพื่อรักษาการมีบุตรยากนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลหรือได้ลูกสมใจกันทุกคน แต่รู้ทั้งรู้สามีภรรยาหลายๆคู่ก็ยังคงมีความหวังที่จะได้มีครอบครัวที่ สมบูรณ์เหมือนคนปกติทั่วไป จึงยอมลงทุนตรวจร่างกายหรือแม้กระทั่งทานยาสมุนไพรแปลกๆที่ตนเองไม่รู้จัก ซ้ำยังมีราคาค่อนข้างแพงอีกด้วย นับถือๆครับ
ผมอยากรู้ความเห็นของท่านครับ ว่าคิดอย่างไรบ้างกับเรื่องนี้ ช่วยๆกันคอมเม้นต์หน่อยนะครับ 

  Morseng Lao Vientiane Tel 020 5996 2888 / 2222 8597
>>>www.morsenglao.blogspot.com<<<