“ทราบไหมครับ ? ว่าผู้หญิงเราเป็นตกขาวกันมากขึ้นทุกวัน และ ส่วนใหญ่แก้ปัญหาตกขาวกันแบบไม่ถูกวิธี!”
พูดถึง “ตกขาว” เชื่อว่าผู้หญิงร้อยทั้งร้อย ต้องรู้จักและเคยมีประสบการณ์ของอาการตกขาวกันหมดทุกคน และหลังจากที่เป็นแล้ว มักจะรักษากันด้วยการซื้อยาชนิดต่างๆมารับประทานเอง หรือไม่ก็พยายามหาซื้อยามาสอดช่องคลอด เพราะเข้าใจว่าจะช่วยให้ตกขาวหายไปได้อย่างถาวร“ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของตกขาว ทำให้ดูแลรักษาแบบไม่ถูกวิธีนั่นเอง!”ดังนั้น ในฐานะที่จิ๊บเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง จิ๊บคิดว่าถึงเวลาเสียที่ผู้หญิงเราควรจะ สบายใจและห่างไกลจากตกขาว จิ๊บก็เลยอยากจะถ่ายทอดความรู้และข้อมูลที่น่าสนใจเรื่องตกขาวให้ทุกคนได้ ศึกษาค่ะ
ผู้หญิงเป็นตกขาวกันมากขึ้นทุกวันจริงหรือเปล่า ?
จากการสืบค้นข้อมูล จิ๊บพบว่าเป็นเรืองจริงค่ะ ที่ผู้หญิงเรามีแนวโน้มที่จะเป็นตกขาวกันมากขึ้น ลองดูข้อมูลกราฟอ้างอิงที่จิ๊บได้สืบค้นมาทำความเข้าใจเรื่องตกขาวกันก่อน
เป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ ที่เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ตกขาว มีกี่ประเภท อะไรบ้าง เพราะว่าตกขาวแต่ละประเภทจะมีวิธีการใช้ยาหรือรักษาแตกต่างกันไป ปัญหาส่วนใหญ่จากประสบการณ์ของจิ๊บที่มักจะพบ จากผู้หญิงเราเมื่อเป็นตกขาว คือ ไม่รู้ว่าตนเองเป็นตกขาวประเภทไหน ? และจะทำให้ตัดสินใจรักษาตกขาวแบบผิดๆโดยไม่ตั้งใจค่ะ“ตก ขาว เป็นคำศัพท์ทางการแพทย์ ที่ใช้บอกถึงสิ่งที่ระบายออกทางช่องคลอดประเภทหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงของการตั้งครรภ์หรือเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาอื่นๆ ถ้าคุณมีตกขาว ตกขาวที่มีอาจจะเหนียวข้นและมีสีขาว เหลือง หรือเขียวก็ได้ ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งเกิดในช่วงของการตกไข่จนกระทั่งมีประจำเดือน หรือการติดเชื้อที่เกิดขึ้น”จากแผนผังด้านบน เราสามารถแบ่งประเภทของตกขาวออกได้เป็นดังนี้ค่ะ
- ตกขาวปกติ
- ตกขาวผิดปกติ
ตกขาวปกติเป็นอย่างไร ?
"ไม่มีกลิ่นหรืออาจจะมีกลิ่นบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ใช่กลิ่นเหม็น" | |
"ปริมาณตกขาวที่เกิดขึ้นไม่มากจนเกินไป" | |
"ตกขาวมีลักษณะใสหรือสีขาว" |
*** ระยะไข่ตก ร่างกายจะสร้างตกขาวปกติที่มีลักษณะเหนียว หนืด ออกมาในปริมาณที่มากขึ้น เนื่องจากกลไกของธรรมชาติต้องการคัดกรองอสุจิตัวที่แข็งแรงที่สุด *** ในกรณีของผู้หญิงที่มีการตั้งครรภ์หรือทานยาคุมกำเนิด อาจจะมีตกขาวปกติในปริมาณที่มากขึ้น
ตกขาวผิดปกติเป็นอย่างไร ?
"ตกขาวมีกลิ่นเหม็น" | |
"ตกขาวมีปริมาณมากกว่าปกติมาก" | |
"ตกขาวมีสีที่เปลี่ยนไป เช่น เทา เหลือง เขียว และอาจเป็นฟองร่วมด้วย" | |
"ตกขาวเกิดร่วมกับอาการแสบ คัน บริเวณช่องคลอดและปากมดลูก" |
สาเหตุของตกขาวผิดปกติ
หน้าที่โดยพื้นฐานของช่องคลอด คือ ทำหน้าที่เป็นเส้นทางเชื่อมต่อกับภายนอกช่องคลอด ไปสู่มดลูกและระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง ค่าความเป็นกรด-ด่างตามธรรมชาติของช่องคลอดมีฤทธิ์เป็นกรดทำหน้าที่ป้องกัน การติดเชื้อ ความเป็นกรดในช่องคลอดถูกสร้างขึ้นจากแบคทีเรียฝ่ายดี ที่สร้างขึ้นจากร่างกายเราตามธรรมชาติ เมื่อช่องคลอดของเรามีสุขภาพดี ช่องคลอดจะรักษาความสะอาดและความแข็งแรงของตัวมันเอง ด้วยการผลิตตกขาวปกติออกมา ความสมุดลตามธรรมชาติของช่องคลอดสามารถถูกทำลายด้วยอะไรก็ตาม ที่เข้าไปรบกวนสภาพปกติของช่องคลอด เมื่อสภาพความเป็นกรด-ด่างที่สมดุลตามธรรมชาติของช่องคลอดถูกรบกวน ย่อมส่งผลให้เชื้อชนิดอื่นๆสามารถเติบโตและเพิ่มจำนวนขึ้น เป็นเหตุช่องคลอดมีสภาวะอักเสบและติดเชื้อ และก่อให้เกิดปัญหาตกขาวผิดปกติตามมา สภาวะความสมดุลหรือความเป็นกรด-ด่างของช่องคลอดมักจะถูกรบกวนด้วยสาเหตุดัง ต่อไปนี้*** การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิง มีผลต่อค่าความเป็นกรด ด่างของช่องคลอด ผู้หญิงเรามีโอกาสที่จะติดเชื้อและเป็นตกขาวผิดปกติได้ง่าย หากฮอร์โมนเพศหญิงมีการเปลี่ยนแปลงหรือถูกรบกวน
การติดเชื้อในช่องคลอดที่ทำให้เกิดตกขาวผิดปกติ
3 อันดับ การติดเชื้อในช่องคลอดยอดนิยม ที่ทำให้ผู้หญิงเรามีปัญหาตกขาวผิดปกติค่ะ- ช่องคลอดติดเชื้อรา -
เป็นเชื้อราที่มีชื่อว่า “Candida albicans” ซึ่งเป็นเชื้อราที่อาศัยอยู่บริเวณช่องคลอดอยู่แล้วตามธรรมชาติ และมิได้มีผลเสียแต่อย่างใด แต่ถ้าสภาพภายในช่องคลอดเกิดการเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากฮอร์โมนที่ไม่สมดุลหรือการใช้ยาปฏิชีวนะ อาจส่งผลให้เชื้อราชนิดนี้เกิดขึ้นในช่องคลอดมากเกินไป ส่งผลให้เกิดตกขาวผิดปกติจากเชื้อราได้
Candida albicans
การที่ภูมิต้านทานของร่างกายต่ำเนื่องจากการเจ็บป่วย เช่น เอดส์
เอสแอลอี
รวมถึงการสวนล้างช่องคลอดมักเป็นสาเหตุของการทำให้สมดุลกรด-ด่างภายในช่อง
คลอดเปลี่ยนไป และส่งผลให้เกิดตกขาวจากเชื้อราได้อีกเช่นกัน- ช่องคลอดติดเชื้อแบคทีเรีย -
เป็นตกขาวผิดปกติที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย “Bacterial vaginosis” ซึ่งไม่ใช่เชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
Bacterial vaginosis
โดยปกติ สภาวะช่องคลอดของผู้หญิงที่มีสุขภาพดี
จะมีจุลินทรีย์ที่ทำหน้าที่ในการควบคุมการก่อตัวของแบคทีเรียชนิดนี้อยู่
การลดลงของจุลินทรีย์ (อาจจะเกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะ
หรือความไม่สมดุลของค่ากรด-ด่างของช่องคลอด)
ส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียเพิ่มจำนวนมากขึ้นและทำให้ติดเชื้อได้- ช่องคลอดติดเชื้อพยาธิ -
พยาธิชนิดนี้มีชือว่า “Trichomonas vaginalis” เป็นโปรโตซัวที่พบได้ในช่องคลอดหรือบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น อย่างเช่น ในน้ำปัสสาวะ แต่ไม่ได้อยู่ในลำไส้เหมือนเช่นพยาธิทั่วๆไปที่เรารู้จักกัน ซึ่งเป็นพยาธิที่ติดต่อได้ผ่านทางเพศสัมพันธ์ มักพบในผู้หญิงที่มีสามีติดเชื้อตัวนี้ หรือติดเชื้อจากการใช้ห้องน้ำสาธารณะ (พบไม่บ่อยนัก)
Trichomonas vaginalis
เนื่องจากพยาธิชนิดนี้เป็นพยาธิที่ติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น
การรักษาจึงมีความจำเป็นที่จะต้องพาคู่นอนของตนเองไปพบแพทย์และทำการรักษา
ร่วมกันค่ะ
No comments:
Post a Comment