ขมิ้นชันหมอเส็งกับเรื่องสิวๆ
Morseng Vientianeเรื่อง
ของผิวพรรณเป็นเรื่องที่หลายๆท่านให้ความสำคัญมากโดยเฉพาะสุภาพสตรี
ปัญหาใหญ่ชนิดหนึ่งของผิวพรรณที่พบได้บ่อยและเป็นปัญหาที่ทำให้ขาดความมั่น
ใจอย่างมากก็ คือ ปัญหาสิว
ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือวัย
ผู้ใหญ่ก็ตาม
หลังจากที่ผมพยายามหาวิธีการในการรักษาสิวแบบธรรมชาติ
และไม่จำเป็นต้องใช้ทายาหรือใช้ยารักษาสิว
โดยการนั่งอ่านบทความจำนวนมากที่เกี่ยวกับเรื่องนี้
ผมพบว่าหลายแหล่งความรู้จากต่างประเทศ
ต่างพูดถึงการรักษาสิวที่เกี่ยวข้องกับตับหรือการล้างพิษในตับ
หลายคนที่เคยมีปัญหาสิวอย่างหนักกลายมาเป็นคนที่มีผิวพรรณดี
หน้าใสไร้สิวได้อย่างไร ? และเรื่องหลักของเราที่พูดถึงขมิ้นชันหมอเส็งกับสิวและการล้างพิษตับเกี่ยวข้องกันอย่างไร ? ท่านจะได้ทราบในบทความนี้ครับ
สาเหตุแท้จริงของสิว
หลายท่านเคยเข้าใจว่าสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดสิว คือ
- เชื้อแบคทีเรีย
- ผิวมัน
- การควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักแบบผิดวิธี
- และสาเหตุอื่นๆที่ท่านอาจจะเคยผ่านตามาบ้าง
ไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดสิว
จากการค้นคว้าหาข้อมูลจำนวนมาก เราพบว่าสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดสิวมีอยู่ 2 อย่างเท่านั้น! คือ
“ความไม่สมดุลของฮอร์โมนร่วมกับการมีสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกาย (ในระบบเลือดและน้ำเหลือง)”
เพราอะไร ? มาดูกันต่อครับ
ฮอร์โมนเป็นสื่อทางเคมีที่ร่างกายใช้ในการสื่อสารกับอวัยวะและเซลล์ต่างๆ
ในร่างกาย เพื่อบอกให้ทราบว่าต้องทำอะไรบ้าง ?
ถ้าเราพูดถึงเรื่องสิวเราจะพูดถึงฮอร์โมนที่เรียกว่า แอนโดรเจน
(androgenic) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ประกอบไปด้วยฮอร์โมนเพศชายที่มีชื่อว่า
เทสโทสเทอโรน
ที่มีหน้าที่ในการมีหน้าที่ควบคุมลักษณะเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเพศชายใน
ช่วงวัยรุ่น
ตัวแอนโดรเจนเองจึงเป็นฮอร์โมนเพศชายที่มีอยู่ร่างกายของทั้งผู้ชายและ
ผู้หญิง และมีทำหน้าที่เกียวกับการควบคุมต่อมไขมันที่ผิวหนัง
พูดให้เข้าใจกันแบบง่ายๆก็คือ ร่างกายของใครที่ฮอร์โมนชนิดนี้มาก
ผิวของคนๆนั้นก็จะมันมาก เพราะต่อมไขมันที่ผิวหนังผลิตน้ำมันมากกว่าปกติ
อย่างไรก็ตาม
ปริมาณแอนโดรเจนในร่างกายที่สูงไม่ได้เป็นปัจจัยทั้งหมดที่ก่อให้เกิดสิว
เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมบางคนที่ผิวมันมากๆทำไมถึงไม่เป็นสิวเลย ?
ต้องมีปัจจัยร่วมอีกอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น คือ
การมีสารพิษตกค้างในร่างกาย ซึ่งหากท่านใดมีครบทั้งสองปัจจัยแล้ว
ผิวของท่านจะเป็นแหล่งที่แบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวเจริญเติบโตได้ดีและ
รับรองได้ว่าท่านจะต้องมีปัญหาสิว ไม่ว่าจะเป็น สิวผด สิวฝัง สิวหัวช้าง
หรือสิวอื่นๆอย่างแน่นอน
เห็นไหมครับว่า แบคทีเรียไม่ได้เป็นสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดสิว
แต่ผิวของท่านเองต่างหากละครับ
ที่เป็นแหล่งกำเนิดเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวอย่างดี
ดังนั้นแม้ว่าเราจะพยายามใช้ยาเพื่อทำลายแบคเทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวมาก
เท่าไร สิวก็จะไม่หายไป ถึงแม้หายก็จะเป็นใหม่
หากท่านมีปัญหาเรื่องสมดุลของฮอร์โมนแอนโดรเจนและปัญหาสารพิษตกค้างในระบบ
เลือดและน้ำเหลือง
แก้ปัญหาสิวจากสาเหตุที่แท้จริง
ความลับอย่างหนึ่งของการรักษาสิวที่ไม่ค่อยมีใครทราบ คือ
การทำอย่างไรให้ร่างกายมีฮอร์โมนแอนโดรเจนที่สมดุลและการล้างพิษในระบบเลือด
และน้ำเหลืองอย่างไรดี ?
โดยปกติแล้ว ร่างกายของมนุษย์เราจะพยายามรักษาความสมดุลของฮอร์โมนไว้
หากร่างกายเริ่มขาดความสมดุลของฮอร์โมนหรือมีสารพิษในร่างกายขึ้นมาเมื่อ
ไหร่ ร่างกายจะพยายามสร้างสมดุลให้กลับคืนมาให้ได้
โดยการกำจัดส่วนเกินของฮอร์โมนและสารพิษออกไป
แล้วกระบวนการในการปรับสมดุลและกำจัดสารพิษส่วนเกินทำงานอย่างไร ?
ลองดูต่อไปครับ
อวัยวะที่มีส่วนสำคัญในเรื่องนี้ คือ ตับ จากที่เราพอจะทราบกันอยู่ว่า
ตับทำหน้าที่หลักในการกำจัดของเสียหรือสารพิษออกจากร่างกาย
หรือจะพูดให้ชัดในประเด็นของสิว คือ
ตับทำหน้าที่ในการกำจัดแอนโดรเจนส่วนเกินและกำจัดสารพิษในระบบเลือดและน้ำ
เหลืองของเรานั่นเอง
ความแตกต่างของคนที่หน้าใสกับคนที่หน้าสิว
ความแตกต่างระหว่างเรากับเพื่อนที่หน้าใสไร้สิว
ซึ่งเค้าไม่ได้ไปหาหมอหน้าหรือแพทย์ผิวหนังที่ไหน ?
และไม่ได้กินวิตามินหน้าใสหรือทำอะไรพิเศษกับผิวหน้า ความแตกต่างนั้น คือ
ประสิทธิภาพของตับในการกำจัดสารพิษและฮอร์โมนส่วนเกินที่ดีกว่าคนที่เป็นสิว
นั่นเอง
ผมเชื่อว่าตอนเป็นวัยรุ่นคนส่วนใหญ่ต้องมีปัญหาสิวกันบ้างไม่มากก็น้อย และเคยสงสัยไหมครับว่าทำไมเป็นวัยรุ่นแล้วมักจะต้องเป็นสิว ?
โดยธรรมชาติแล้วตับของเรามีความสามารถในการกำจัดสารพิษหรือฮอร์โมนส่วน
เกินได้ในระดับในเวลาหนึ่งเท่านั้น
และในขณะที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นหรือเป็นวัยรุ่นแล้วก็ตามร่างกายของเราจะมี
การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนหลายๆชนิดในร่างกายอย่างรวดเร็ว
รวมถึงการเพิ่มระดับของแอนโดรเจนในร่างกาย
หากตับของเราสามารถที่กำจัดฮอร์โมนส่วนเกินนี้ได้ ทุกอย่างก็ไร้ปัญหา
แต่ถ้ากำจัดได้ไม่หมดร่างกายจะมีฮอร์โมนส่วนเกินค้างอยู่และทำให้ระบบเลือด
ของเรามีสารพิษตกค้างไปด้วย ก่อให้เกิดสิวได้ในภายหลัง
ซึ่งในกรณีนี้ก็สามารถใช้อธิบายเหตุผลที่สตรีในช่วงของการมีประจำเดือนมักจะ
มีปัญหาสิวได้เช่นกัน
ขมิ้นชันหมอเส็งล้างพิษตับ
หากท่านเคยอ่านสรรพคุณของขมิ้นชัน หรือสรรพคุณขมิ้นชันหมอเส็ง จะพบว่าสรรพคุณที่ช่วยให้ตับทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพและช่วยในการล้างพิษตับ คือ
- ป้องกันการอักเสบของตับ
- ลดการอักเสบในร่างกาย
- ต้านมะเร็ง
- ป้องกันการเกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกาย
การทานขมิ้นชันเพื่อการล้างพิษตับเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับคนที่มีปัญหา
สิว เพื่อให้ตับสามารถกำจัดฮอร์โมนส่วนเกินและสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยิ่งถ้าใครเป็นสิวมากสิ่งที่ต้องระวังให้มากอีกอย่าง คือ
การทานอาหารปลอดสารพิษที่จะช่วยให้ตับทำงานน้อยลง และได้พักมากขึ้น
การทานเนื้อสัตว์ที่มีฮอร์โมนเร่งโต หรือผักที่ฉีดยาฆ่าแมลง
และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
ล้วนส่งผลต่อการทำงานและประสิทธิภาพของตับทั้งสิ้น
การใช้ขมิ้นชันเพื่อรักษาสิวเรามีความจำเป็นต้องทานขมิ้นชันได้ปริมาณ
เพียงพอ สำหรับขมิ้นชันธรรมดา ตามขนาดที่เภสัชกรแนะนำ คือ 500 มิลลิกรัม
วันละ 4 ครั้ง หลังอาหาร ในช่วงแรกของการทานอาจจะมีอาการร้อนในบ้าง
แต่เมื่อร่างกายปรับตัวได้อาการร้อนในจะค่อยๆดีขึ้นเอง
ในกรณีขมิ้นชันหมอเส็ง
โดยส่วนตัวแล้วผมว่าดีกว่าขมิ้นชันธรรมดามากเพราะเป็นตำรับยาที่ได้รับการ
ผสมผสานสมุนไพรถึง 32 ชนิด
เข้าด้วยกันและได้ผลจากการทานดีกว่าขมิ้นชันธรรมดามาก
(จากการทดลองด้วยตนเอง)
อีกทั้งยังช่วยกำจัดกลิ่นต่างๆที่เป็นกลิ่นไม่สะอาดในร่างกาย
ซึ่งสรรพคุณในการกำจัดกลิ่นตรงนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการกำจัดสาร
พิษในระบบเลือดและน้ำเหลือง เพราะคนที่ร่างกายมีกลิ่น นั่นหมายถึง
เลือดในร่างกายที่ไม่สะอาดพอและมีสารพิษตกค้างนั่นเอง
แนะนำวิธีทาน ว่านชักมดลูกหมอเส็ง
Morseng Lao Vientiane Tel 020 5996 2888 / 2222 8597มีหลายคำถามจากท่านผู้อ่านเกี่ยวกับวิธีการรับประทานว่านชักมดลูกหมอเส็งสูตร
1 และว่านชักมดลูกหมอเส็งสูตร
2 ก็เช่นเคยครับ ผมก็เลยทำหน้าที่ของตัวแทนจำหน่ายที่ดี นำความรู้และคำแนะนำในเรื่องนี้ โดยคุณหมอโฆษิต มาถ่ายทอดต่อให้ทุกท่านครับ
ว่านชักมดลูกสูตรไหนดี ?
ตัวว่านชักมดลูกสูตร
1 และ สูตร
2 ผมให้ข้อคิดอย่างนี้ สูตร
1 ที่เป็นกล่องเขียวนะครับ เหมาะสำหรับสุภาพสตรีที่มีอายุน้อยกว่า
35 ปีลงมานะครับ ตัวกล่องน้ำเงินที่เป็นสูตร
2 เหมาะสำหรับคนที่มีอายุมากกว่า
35 ปี ขึ้นไปแล้วก็คนที่ท้องหลังคลอดทุกวัยอายุ ตัวสูตร
2 เหมาะกับท่าน ตัวสูตร
2 เหมาะกับคนหลังคลอดกับหลังแท้งบุตรนะครับ แต่ถ้าใครที่มีอายุน้อยกว่า
35 ปีลงมาให้ท่านใช้สูตร
2 ถ้าหลังคลอดบุตรกับหลังแท้งบุตรประมาณ
1-2 เดือน แล้วให้ท่านกลับไปใช้สูตร
1 เหมือนเดิม ส่วนใครที่มีอายุมากกว่า
35 ปีไปแล้วก็ให้ท่านใช้สูตร
2 ต่อ
เนื่องกันไปได้เลยนะครับ มันจะช่วยให้มดลูกของคุณเข้าอู่เร็วขึ้น
ขับน้ำคาวปลา โพรงมดลูกของคุณจะได้สะอาดเร็วขึ้น การติดเชื้อจะได้น้อยลง
และมันไปเสริมสร้างความแข็งแรงโครงสร้างข้างในให้แข็งแรง
ผมสรุปให้แบบนี้ครับ
“ว่านชักมดลูกหมอเส็งสูตร 1 เหมาะสำหรับสุภาพสตรีที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี
ว่านชักมดลูกหมอเส็งสูตร 2 เหมาะสำหรับสุภาพสตรีที่มีอายุมากกว่า 35 ปี ขึ้นไป และเหมาะสำหรับสุภาพสตรีหลังคลอดและหลังแท้งทุกวัย”
ว่านชักมดลูกทานนานแค่ไหน ?
คุณต้องจำไว้ว่า ว่านชักมดลูกอย่ากินในปริมาณเยอะแล้วก็อย่ากินนานนะครับ
4 เดือน
6 เดือน
ท่านต้องลดปริมาณลงมาบ้าง
คุณจะเห็นว่าที่กล่องว่านชักมดลูกของคุณหมอเส็งจะมีเขียนเอาไว้ว่า
ไม่ใช้ยาตัวนี้นานจนเกินไป แต่ไม่ได้บอกระยะเวลานะครับ
4 – 6 เดือน
ท่านต้องหยุดบ้าง ท่านต้องลดปริมาณการใช้ลงมาครึ่งหนึ่งบ้าง
เปลี่ยนมาเป็นใช้เป็นวันเว้นวันบ้าง อย่าทานต่อเนื่องเยอะ
เพราะถ้าทานต่อเนื่องเยอะ มันจะกลับกลายเป็นว่าทำให้ฮอร์โมนตัวนี้ผันผวน
(ฮอร์โมนเพศหญิงที่เรียกว่า เอสโตรเจน
) และ
อาจจะก่อให้เกิดมะเร็งกับเต้านม มดลูกและรังไข่ของเราได้ เพราะฉะนั้น
เราควรรักษาระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนให้อยู่ในปริมาณที่มันไม่เยอะจนเกินไป
แล้วควบคุมให้ร่างกายเราเปล่งปลั่งสวยงาม
“ว่านชักมดลูกอย่าทานต่อเนื่องเกิน 6 เดือน”
ผมขอเสริมเรื่อง ว่านชักมดลูกทานนานแค่ไหน ?
จากประสบการณ์ของผม เวลาคุณหมอเส็งแนะนำคนไข้ให้ทานว่านชักมดลูก
เวลารับประทานจะอยู่ที่ประมาณ 3 เดือน ครับ แต่ถ้า 3
เดือนแล้วยังไม่ได้ผลเป็นทีน่าพอใจก็ทานต่อไปได้ครับแต่ต้องไม่เกิน 6 เดือน
ดังที่คุณหมอโฆษิตกล่าวไว้ครับ
คำแนะนำในบทความนี้นอกจากสามารถนำไปปรับใช้กับการรับประทาน
ยาสตรีหลังการคลอดบุตร ยาสตรีเบอร์ 2 ว่านชักมดลูก สูตร 111
ก็ได้ด้วยนะครับ เพราะว่าล้วนแล้วแต่มีส่วนผสมของว่านชักมดลูกทั้งนั้น
Morseng Lao Vientiane Tel 020 5996 2888 / 2222 8597
>>>www.morsenglao.blogspot.com<<<
หมอเส็ง รักษาการมีบุตรยากอย่างไร ?
เห็น
เป็นประเด็นร้อนที่คู่สามีภรรยาหลายๆคู่ ค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เนต
ด้วยความคันไม้คันมือผมเองก็เลยตัดสินใจหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูบ้าง
ว่า คู่สามีภรรยาที่เค้าประสบปัญหาการมีบุตรยากได้รับการตรวจและการรักษาจากหมอแมะอย่างไรบ้าง ? มีการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวเพื่อให้มีลูกติด

เท่าที่ผมรวบรวมการตรวจ
รักษาการมีบุตรยากของหมอแมะก็มีประมาณนี้ครับ
1. ตรวจร่างกายด้วยการจับชีพจร
อันนี้ผมว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไปที่ผมคิดว่าหมอแมะทุกคนต้องทำอยู่
(ถ้าไม่ตรวจจะรู้ได้ยังไง ?) โดยทำการแมะทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง
โดยส่วนใหญ่หลังจากทำการตรวจแล้วมักจะพบว่าฝ่ายสามีและ(หรือ)มีปัญหาเรื่อง
ไตไม่แข็งแรง แล้วส่งผลถึงระบบการสืบพันธุ์ ส่งผลอย่างไรบ้าง
ลองอ่านข้อความด้านล่างนี้ดูครับ
อาจจะเคยได้
ยินมาบ้างว่าทางแพทย์จีนถือว่า ไต เป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุด
ธาตุหยางที่ไตถือเป็นต้นกำเนิดของธาตุหยางทั้งหมดในร่างกาย
แม้กระทั่งไฟหรือธาตุหยางที่ใช้ในการย่อยอาหารก็มาจากไตเช่นกัน
ธาตุหยางที่
ไตพร่องยังมีอาการต่างๆ อีก เช่น ปวดเมื่อยเอว เข่าไม่มีแรง ผมร่วง
ฟันโยกง่าย กระดูกเปราะ ปัสสาวะถี่หรือน้อยเกินไป ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ
มีลูกยาก เป็นต้น
ยกมาจาก http://aunlamun.exteen.com/20071202/entry
จากข้อความข้างต้นจะเห็นว่าไตเป็นอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์
โดยตรง เพราะฉะนั้นถ้าใครมีปัญหาเรื่องไตย่อมส่งผลให้มีบุตรยากครับ
2. จ่ายยา
หลังจากที่หมอแมะทำการตรวจร่างกายเป็นที่เรียบร้อยแล้วขั้นตอนต่อไปก็คงไม่
พ้นการจ่ายยาให้รับประทาน
ประเด็นสำคัญตรงเรื่องนี้อยู่ที่ว่าหมอแมะจ่ายยาอะไรให้รับประทานบ้าง
อยากรู้ไหมครับ ?
ฝ่ายหญิง
- ยาตัวแรกที่ต้องรับประทาน คือ
ยาปรับสมดุลร่างกายหรือจะเรียกว่ายาปรับธาตุก็ได้ครับ
ต้องทานยานี้ก่อนเพราะว่าเป็นยาตัวพื้นฐานที่ช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง
ขึ้นจากการปรับธาตุให้สมดุลโดยทานควบคู่กับยาบำรุงร่างกายเพื่อให้ได้ผลดี
ที่สุด
- ทานยาบำรุงมดลูก (คิดว่าเป็นยาบำรุงโลหิตสตรี) เพื่อช่วยขับเลือดเสีย
ทำให้เลือดไหลเวียนดี ขับน้ำคาวปลาและทำให้มดลูกสะอาดมีสุขภาพดี
- ทานยาบำรุงไต เพื่อเสริมสร้างธาตุหยางให้ไตแข็งแรง
- ทานยาเสริมสร้างฮอร์โมนเพศหญิง เพื่อช่วยกำหนดวันไข่ตกและตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้น (ทำให้รู้ว่าต้อง xxx เมื่อไหร่)
ฝ่ายชาย
- ทานยาบำรุงไต เพื่อเสริมสร้างธาตุหยางให้ไตแข็งแรง
- ทานยาบำรุงร่างกาย
ฝ่ายชายทานยาน้อยนะครับ มีไม่กี่ตัวเอง
ส่วนผลที่ได้ของสามีภรรยาแต่ละคู่
นั้นก็แตกต่างกันออกไป บางคู่ก็ได้ลูกสมใจ บางคนหลังจากติดลูกแล้วก็แท้ง
บางคนไม่ติดลูกเลยก็มี ขึ้นอยู่ความแข็งแรงของร่างกายและบุญวาสนาด้วย
การไปหาหมอแมะเพื่อรักษาการมีบุตรยากนั้น
ไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลหรือได้ลูกสมใจกันทุกคน
แต่รู้ทั้งรู้สามีภรรยาหลายๆคู่ก็ยังคงมีความหวังที่จะได้มีครอบครัวที่
สมบูรณ์เหมือนคนปกติทั่วไป
จึงยอมลงทุนตรวจร่างกายหรือแม้กระทั่งทานยาสมุนไพรแปลกๆที่ตนเองไม่รู้จัก
ซ้ำยังมีราคาค่อนข้างแพงอีกด้วย นับถือๆครับ
ผมอยากรู้ความเห็นของท่านครับ ว่าคิดอย่างไรบ้างกับเรื่องนี้ ช่วยๆกันคอมเม้นต์หน่อยนะครับ
Morseng Lao Vientiane Tel 020 5996 2888 / 2222 8597
>>>www.morsenglao.blogspot.com<<<