ริดสีดวงจะมีอาการสำคัญก็คือการถ่ายอุจจาระออกมาเป็นเลือดสดๆทั้งนี้เนื่องจากการเบ่งถ่ายแรงๆ |
หัวริดสีดวงทวาร (กลุ่มหลอดเลือดดำขอด) จะปริแตกออกอาการส่วนมากจะมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก |
เป็นเลือดแดงสด เกิดขึ้นขณะถ่ายอุจจาระ อาจสังเกตมีเลือดเปื้อนกระดาษชำระ หรือปนมากับอุจจาระ |
หรือมีเลือดไหลออกเป็นหยดโดยไม่รู้สีกเจ็บปวดแต่อย่างไร บางคนอาจรู้สึกเจ็บที่ทวารหนัก และถ่ายอุจจาระลำบาก |
หรืออาจมีอาการคันก้น ถ้าริดสีดวงอักเสบ หรือหลุดออกมาข้างนอก อาจทำให้รู้สึกปวดรุนแรง จนถึงกับนั่งยืน |
หรือเดินไม่สะดวก และคลำได้ก้อนเนื้อนุ่มๆ สีคล้ำๆ ที่ปากทวารหนัก ถ้ามีเลือดออกมากหรือเรื้อรัง อาจมีอาการซีดได้ |
การรักษาโรคริดสีดวงมีดังนี้ค่ะ คือ |
ระวังอย่าให้ท้องผูก ควรดื่มน้ำมาก ๆ และกินผักผลไม้มาก ๆ ถ้ายังท้องผูก ให้กินยาระบาย |
เช่น ยาระบายแมกนีเซีย , ดีเกลือ , อีแอลพี หรือสารเพิ่มกากใย อย่ายืนนาน ๆ หรือนั่งเบ่งถ่ายนาน ๆ |
ถ้าปวดมากเนื่องจากมีการอักเสบ ให้กินยาแก้ปวด , นั่งแช่ในน้ำอุ่นจัด ๆ วันละ 2-3 ครั้ง ๆ ละ |
15-30 นาที และใช้ยาเหน็บริดสีดวงทวาร เช่น อะนูซอล( Anusal), เชอริพร็อกต์ ( Scheriproct), พร็อกโตซีดิล |
(Proctosedyl) เหน็บวันละ 2-3 ครั้ง (เช้า ก่อนนอน และหลังถ่ายอุจจาระ) จนอาการบรรเทา ใช้เวลาประมาณ 10 วัน |
ถ้ามีอาการซีดร่วมด้วยให้ใช้ เฟอร์รัสซัลเฟต วันละ 3 ครั้ง ๆ ละ 1 เม็ด |
ถ้ามีเลือดออกนานกว่า 1 สัปดาห์ หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย พบในคนอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรไปพบแพทย์ |
อาจต้องใช้เครื่องส่องตรวจทวารหนัก ( proctoscope) ถ้าหากสงสัยเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ อาจต้องเอกซเรย์ |
ลำไส้ใหญ่ด้วยการสวน แป้งแบเรียม (Barium enema) หรือใช้เครื่องส่องตรวจลำไส้ใหญ่ถ้าเป็นริดสีดวงทวาร |
โดย ไม่มีสาเหตุที่ร้ายแรง ก็มักจะให้การรักษาดังได้กล่าวข้างต้น ถ้าเป็นมากอาจรักษาด้วย |
การฉีดยาเข้าที่หัวริดสีดวงให้ฝ่อไป วิธีนี้สะดวก ปลอดภัย ไม่มีความเจ็บปวด มักจะฉีดสัปดาห์ละครั้ง |
ประมาณ 3-5 ครั้ง ช่วยให้หายขาดได้ 60% ส่วนอีก 40% อาจกำเริบได้ใหม่ หรือ |
อาจรักษาโดยวิธีใช้ยางรัด ( rubber bandligation) ทำให้หัวริดสีดวงฝ่อ หรือใช้ แสงเลเซอร์รักษา |
( laser photocoagulation) ถ้าเป็นมาก หรือมีภาวะแทรกซ้อน อาจต้องผ่าตัด |
No comments:
Post a Comment